อนาคต/ไม่มีอนาคต

อนาคต/ไม่มีอนาคต

“อนาคต” เป็นประเด็นสำคัญของมนุษยชาติตลอดมา นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ศาสนาทุกศาสนาได้รับศรัทธาอย่างกว้างขวางก็เพราะ

การสร้างพลังจูงใจให้มนุษย์เชื่อมโยงตนเองในปัจจุบันกาลกับ อดีต/อดีตชาติ” และ อนาคต/อนาคตชาติ ได้อย่างเป็นระบบ บรรดานักคิดทั้งหลายในโลกที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่ครุ่นคิด ทำนาย และเสนอทางเลือกอนาคตให้แก่ผู้คนทั้งสิ้น 

ในจังหวะที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนจำนวนมากจะรู้สึกถึงจังหวะที่ปรับเปลี่ยนชีวิตของคนและสังคม ก็มักจะเกิดการคาดการณ์หรือการคาดฝันถึงสังคมใน “อนาคต” เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้าย เช่น การเสนอหรือการผลิตซ้ำความคิดเรื่อง สังคมอุดมคติ” (Utopia) ที่สวยงามก็จะเกิดขึ้น เช่น งานเขียนเรื่องยูโทเปียของโทมัส มอร์ หรือการผลิตซ้ำสังคมพระศรีอาริยเมตไตรย/พระอนาคตวงศ์ในสังคมไทย หรือ การนำเสนอภาพวาระสุดท้ายของโลกที่กำหนดโดยพระเจ้า เป็นต้น

แต่น่าแปลกใจนะครับ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีความหวาดเกรงต่ออนาคตที่กำลังมาถึง แต่ก็จะมีคนที่นำเสนอภาพงดงามของอนาคตให้เราได้ใฝ่ฝันถึง แต่ในปัจจุบัน กลับแตกต่างออกไป เราถูกทำให้รู้สึกตลอดเวลาต่อภยันอันตรายที่กำลังจะทำลายเรา( มนุษยชาติ) ให้สูญสลายไป เราถูกทำให้รู้สึกถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เพราะระบบเศรษฐกิจและสังคมเดิมที่เคยให้ความมั่นคงแก่ชีวิตนั้นสั่นคลอนจนไม่สามารถที่จะเชื่อมั่นได้อีกต่อไป

การคาดการณ์ถึงอนาคตในด้านร้ายทวีเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเริ่มต้นศตวรรษใหม่นี้ สภาวการณ์ต่างๆ ของโลกปั่นป่วนไปทุกๆ มิติ จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์การคาดการณ์ “ อนาคต” ของบรรดานักคิดหลายศาสตร์นั้นมีมากมายและหลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงการสร้างภาพจินตนาการของ “โลกในอนาคต” ของกลุ่มนักสร้างศิลปะภาพยนต์

โครงเรื่องของภาพยนต์ที่เป็นภาพ “อนาคตซึ่งถูกสร้างขึ้นจากแง่มุมต่างๆ มักจะเป็นภาพของ อนาคตที่ ไม่มีอนาคต ภาพที่ชัดเจนที่สุดที่สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมสลายของสังคมอันนำมาซึ่งปัญหาของการต่อสู้เพื่ออยู่รอดของมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเกิดจากการพังทะลายของระบบสังคมหรือการเผชิญหน้ากับโรคร้ายที่ทำให้คนไม่เป็นคนอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน “อนาคต” ที่ถูกตอกย้ำว่าเป็นความจริงที่กำลังจะมาถึงและเป็นความจริงที่น่าสพึงกลัวสำหรับมนุษย์ได้แก่สภาวะโลกร้อนที่คุกคามเรามาเนิ่นนาน พร้อมกันนั้น ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่ทำให้เกิดความหวาดวิตกในชีวิตประจำวันก็เริ่มซึมลึกเข้าสู่ระบบอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด

แม้กระทั่ง การสร้างสรรค์ของมนุษย์ทางด้านปัญญาประดิษฐ์ซึ่งน่าจะทำให้ความฝันถึงอนาคตเรืองรองขึ้น ก็ถูกทำให้กลายเป็น “อนาคต” ที่น่าหวาดกลัว เพราะการมองไปอีกด้านหนึ่งว่าปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมดจะคืบคลานเข้ามาแทนที่ผู้คนและอาจจะคุกคามความเป็นอยู่ของมนุษย์ 

เราทั้งหมดกำลังถูกทำให้กลัว อนาคต

การที่เราถูกทำให้กลัว “อนาคต” เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการทำลายกรอบความคิดเรื่อง “เวลาคือความก้าวหน้า” (Idea of Progress) เพราะครั้งหนึ่ง ความคิดเรื่อง “ความก้าวหน้า” ได้ดึง/ผลักดันให้มนุษย์ได้คิดถึงอนาคตที่สดใสที่คนได้มีโอกาสสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ แต่ปัจจุบัน เราถูกทำให้เกิดคำถามว่า “ก้าวหน้า” ไปสู่อะไร

พร้อมกับการทำลายความคิดเรื่อง “ความก้าวหน้า” ระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ได้ทำให้คนกลายเป็นส่วนเล็กๆ ของระบบการผลิตซึ่งทำให้สูญเสียสำนึกในศักยภาพของปัจเจกบุคคลในการดำรงชีวิตมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนทำให้รู้สึกถึงความไร้ความหมายของชิวิตตนเองมากขึ้นตามไปด้วย แต่ละคนกลายเป็น “อณู” เล็กๆ ที่ล่องลอยอยู่ในความเปลี่ยนแปลง

อุดมการณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยสูงส่งและมีพลังในการยึดโยงมนุษย์ให้อุทิศตนเองแก่เป้าหมายก็หมดพลังไป ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองสังคมนิยม เสรีนิยม แม้แต่พลังทางศาสนาของศาสนาหลักในโลกก็ลดลงอย่างมาก (ยกเว้นศาสนาอิสลาม​) คนเข้าร่วมกิจกรรมของศาสนาหลักลดลงทุกศาสนา แต่ก็เกิดลัทธิพิธี (Cult) ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความหวาดเกรงต่ออนาคตเพิ่มมากขึ้น

ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ซึ่งสามารถทำมามองสังคมไทยได้ เพราะอิทธิพลส่งต่อมาถึงเราอย่างมากเช่นกัน ในด้านหนึ่งเราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลกและได้รับรู้ข่าวสารทุกมิติจากทั่วโลกในเวลาจริงใกล้เคียงกัน ในอีกด้านหนึ่ง สังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ทำให้เราจำนวนมากตระหนักถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของชีวิตเช่นเดียวกัน

ความพยายามรักษาเสถียรภาพทางสังคมเศรษฐกิจของชนชั้นนำไทยด้วยการประกาศให้ความเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตด้วยกรอบคิด “4.0" ไม่ได้ทำให้คนทั้งหมดเข้าใจและรู้สึกร่วมกันได้แม้แต่น้อย นักคิดบางคนก็บอกเลยว่าไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร (เอาเข้าจริงๆ เป็นการเสนอของนักวิสัยทัศน์ไร้พื้นฐานที่ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงเสียด้วยซ้ำ)

เราจะอยู่และเผชิญหน้ากับ “อนาคต” ที่ถูกทำให้รู้สึกว่า “ไม่มีอนาคต” นี้กันอย่างไร เพราะการที่เราถูกทำให้รู้สึกเช่นนี้ก็จะทำให้เรามีปฏิบัติการณ์อีกลักษณะหนึ่ง หากเรามีความหวังในอนาคต เราก็จะทำอีกลักษณะหนึ่ง

เราคงต้องรอดูและเห็นธงคำตอบที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ครับ