จากไป 40 ปี แต่ก็ยังอยู่

จากไป 40 ปี แต่ก็ยังอยู่

ผู้เขียนมีคอลัมน์ประจำที่เขียนทุกสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2535 รวม 25 ปี ในช่วงเวลานี้ ส่วนใหญ่เขียนสัปดาห์ละ 2 บทความข้อเขียนมีความหลากหลายพอควร

แต่ผู้เขียนไม่เคยเขียนถึงบุรุษผู้นี้เลย วันนี้ขออนุญาตเขียนถึงสักครั้งให้สมใจอยาก

เขาตายครบ 40 ปีในเดือนส.ค. 2560 พอดี ย้อนกลับไปคิดแล้วผู้เขียนเสียดายมากที่ไม่ได้ไปดู คอนเสิรต์ของเขาก่อนเสียชีวิตไม่นานซึ่งจัดแสดงที่เมือง Kansas City (อยู่ไม่ไกลจากเมือง Lawrence ที่ผู้เขียนเรียนอยู่) เนื่องจากค่าดูแพงมากจนสู้ไม่ไหว เพื่อนคนไทยที่ไปดูมาเล่าว่าเขาอ้วนมากจนต้องใส่เสื้อโอเวอร์โค้ตปิดบัง แค่เอาผ้าพันคอผืนเล็กแตะคอที่มีเหงื่อแล้วโยนแจกแฟน ๆก็กริ๊ดกันหูแทบดับแล้ว คนดูต่างประทับใจมากเพราะเขาคือ The King ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง Elvis Presley

Elvis เป็นนักร้องเดี่ยวในประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจมากที่สุด สิ่งบันทึกเพลงของเขาขายได้ 1 พันล้านชิ้นในกลุ่มคนดังที่ทำเงินหลังตายไปแล้วนั้นเขาอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากอันดับ 1 คือ Michael Jackson(อดีตลูกเขยของเขา) อันดับ 2 คือ Charles Schulz(นักเขียนการ์ตูนSnoopy) และอันดับ 3 Arnold Palmer นักกอล์ฟชื่อดัง

​คนรุ่นลูกรุ่นหลานของแฟน Elvis พันธุ์แท้ทั่วโลกที่ไม่มีโอกาสเห็นเขาก็รู้จักเขา ฟังเพลงของเขาชื่นชมเขาและร้องเพลงของเขาคฤหาสน์ของเขาที่เมือง Memphis ในรัฐ Tennessee ที่มีชื่อว่า Graceland นั้นเป็นบ้านที่มีคนเข้าเยี่ยมชมมากพอ ๆ กับ White House

เขาจากไป 40 ปีแล้วในวัย 42 ปี (วัยเดียวกับแม่ที่เขารักมากและเชื่อมาตลอดว่าจะตายในวัยก่อนที่แม่เขาจากไป) เนื่องจากหัวใจวายจากการใช้ยาเสพติดเกินขนาด เวลา 40 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์สิ่งที่นักคิดได้วิเคราะห์ไว้แต่แรกแล้วว่า Elvis Presley คนนี้แหละคือพลังทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20 เพราะเขามีส่วนอย่างสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การใช้ชีวิต ดนตรี ภาษา เสื้อผ้า ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการปฏิวัติสังคมยุคใหม่

ขอย้อนหลังไปถึงเรื่องราวก่อน Elvis เกิดเพื่อปูเรื่องมาสู่ตัวเขาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดตามมา สงครามกลางเมืองในสหรัฐระหว่าง ค.ศ. 1861-1865 ระหว่างรัฐทางเหนือและใต้ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งในเรื่องทาสและสิทธิของรัฐในการมีอำนาจตัดสินใจฝ่ายใต้ยังต้องการคน ผิวดำที่ถูกจับมาขายจากแอฟริกาให้เป็นทาสเพื่อเป็นแรงงานปลูกฝ้ายและต้องการสิทธิในการปกครองตนเองซึ่งเป็นสิ่งตรงข้ามกับคนฝ่ายเหนือ หลังจากสู้รบกัน 4 ปีทั้ง 2 ฝ่ายตายรวมกันกว่า 600,000 คนโดยฝ่ายใต้ซึ่งเป็นรัฐที่ Elvis เกิดคือ Mississippi และรัฐ Tennessee ที่เขาย้ายมาเติบโตเป็นฝ่ายแพ้

ถึงแม้จะเลิกทาสแล้วแต่ความรังเกียจเหยียดผิวก็ยังคงอยู่มาตลอดแม้กระทั่งทุกวันนี้ โดยเฉพาะในรัฐทางใต้ในปี 1935 ที่ Elvis เกิดนั้นสงครามกลางเมืองเพิ่งจบสิ้นไปได้เพียง 70 ปี กลิ่นอายของความรังเกียจคนผิวดำทั้งในเรื่องวัฒนธรรมดนตรีการดำรงชีวิต ฯลฯ ยังมีอยู่มาก

คนผิวดำในภูมิภาคนี้ของโลกมีความเป็นเลิศทางดนตรี แต่งเพลงและเล่นเพลงที่เรียกกันว่า blackmusic แต่แพร่หลายในเฉพาะกลุ่ม Elvis คนนี้แหละที่เอาเพลงลักษณะนี้มาร้องในตอนแรกจนโด่งดัง แม้แต่จังหวะ Rock and Roll ที่ Elvis ทำให้รู้จักกันไปทั่วโลกนั้น แท้จริงแล้วมีมาแต่ทศวรรษ 1940 และต้นทศวรรษ 1950 โดยมาจากการปนเปของหลายสไตส์ของ black music

ตอนเด็ก Elvis ไม่เคยเรียนดนตรีแม้แต่อ่านโน๊ตก็ไม่เป็น เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมด ในตอนปี 1953 เขาเริ่มอัดเพลงลงแผ่นแต่ก็ไม่ดัง มาเริ่มดังจากเพลง “That’s’ All Right” ในปี 1954 ที่เป็นเพลงสไตส์ blackmusic แต่งโดยคนผิวดำ และจากนั้นก็เป็นประวัติศาสตร์ของความโด่งดังที่เรารู้จักกันดี

ผู้คนชื่นชอบเขาโดยเฉพาะสาว ๆ แต่ผู้คนในชั่วคนก่อนหน้าทั้งในทางใต้และทั่วประเทศจับตามองว่าเขากำลังนำสิ่งชั่วร้ายมาสู่โลกด้วยสไตส์ “โยกและคลึง”(rock and roll) ซึ่งโน้มเอียงไปทางเรื่องเพศ และนำเพลง “ชั้นต่ำ” มาครอบงำอย่างไรก็ดีผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกันเพราะเขามาจากครอบครัวยากจนของผู้ใช้แรงงานเป็น “คนบ้านนอก” และมีการศึกษาไม่สูง

โลกยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคแห่งการปลดปล่อยยุคเสรีภาพในด้านความสัมพันธ์ทางเพศ ยุคของความต้องการมีการเท่าเทียมกันทางเพศและทาง ผิวสี Elvis เปรียบเสมือนผู้นำสิ่งแปลกใหม่ที่ไพเราะและสนุกสนาน rock and roll สร้างความพอใจให้หนุ่มสาวได้เป็นอันมากจน เสียงวิจารณ์เขาเงียบลงไปทุกทีพร้อมกับความนิยมในตัวเขาพุ่งขึ้นในทุกภาคและทุกกลุ่มของประเทศและทั่วโลกด้วยเสียงร้องที่หาคนเลียนแบบไม่ได้หน้าตาอันหล่อเหลาและท่าทางที่เป็นมิตร

การมาจากครอบครัวที่ยากจน การต่อสู้ชีวิต การเคร่งศาสนา ความรักที่มีให้แม่อย่างท่วมท้น การยอมเป็นทหารเกณฑ์ ความนิยมจากต่างประเทศจากเพลงหลากหลายสไตส์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกทีผ่านภาพยนตร์ที่เขาเล่นและจอโทรทัศน์ที่เริ่มแพร่หลายทำให้ Elvis ดังเป็นพลุตลอดปลายทศวรรษ 1950 และทศวรรษ 1960 และเริ่มตกต่ำลงบ้างในกลางศตวรรษ 1970 ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอันเนื่องมาจากข่าวคราวยาเสพติดชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลว และบุคลิกที่แปรเปลี่ยนตามอารมณ์

การยอมรับเสรีภาพของคนผิวดำในยุคสมัยของประธานาธิบดีเคเนดี้และจอห์นสันโดยคนอเมริกันในต้นทศวรรษ 1960 นั้น เป็นผลบางส่วนจากบทบาทของ Elvis ในการนำเพลง black music มาให้โลกรู้จักและชื่นชม และการเลียนแบบค่านิยมในชีวิตของ Elvis ในกลุ่มวัยรุ่นมีผลต่อการวัฒนธรรมการดำรงชีวิตในเวลาต่อมาอย่างไม่ต้องสงสัย

Elvis จากไปแต่ก็ยังอยู่เสียงร้องของเขาในเพลง “Love Me Tender” “เพลงชุด G.I. Blues” “เพลงชุด Blue Hawaii” “Can’t Help Falling in Love with You” ฯลฯ เตือนใจพวกเราว่าเขายังคงอยู่ในหัวใจของคนทั้งโลก ไม่ว่าจะจากไปแล้ว 40 ปี หรือ 100 ปีก็ตาม

ถึงแม้ Elvis จะมีชีวิตสั้นเกินไปแต่คุณค่าของชีวิตมนุษย์นั้นความยาวมิสำคัญเท่ากับความลึกมิใช่หรือ