สตรีอยู่เป็นโสดมากขึ้น เศรษฐกิจจะดีขึ้น?

สตรีอยู่เป็นโสดมากขึ้น เศรษฐกิจจะดีขึ้น?

ในปัจจุบันเราจะได้ยินหรือได้อ่านข่าวเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยกันเยอะ อย่างไรก็ดีนอกจากเรื่องของสังคมสูงวัยแล้ว

 อีกปรากฎการณ์หนึ่งทางด้านโครงสร้างประชากรที่กำลังเกิดขึ้นที่ประเทศไทยและน่าจะมีผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของไทยไม่น้อยก็คือการที่ในปัจจุบันสุภาพสตรีจะอยู่เป็นโสดมากขึ้น ซึ่งอาจจะมองว่าการที่สุภาพสตรีอยู่เป็นโสดมากขึ้นนั้นก็คือสาเหตุหนึ่งที่ของที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยก็เป็นได้เช่นเดียวกัน

ถึงแม้ตัวเลขทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง จะระบุว่าในปัจจุบันในประเทศไทยและกรุงเทพเรามีประชากรหญิงมากกว่าชาย โดย เมื่อสิ้นปี 2559 นั้น พบว่าอัตราส่วนของชายไทยต่อหญิงไทย เท่ากับ 49.08% (ชาย) ต่อ 50.92% (หญิง) โดยตัวเลขสุทธิประเทศไทยมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 1,215,934 คน และถ้าพิจารณาเฉพาะกรุงเทพนั้นอัตราส่วนของชายต่อหญิง = 47.26% ต่อ 52.74% แต่เชื่อว่าเรื่องของจำนวนอย่างเดียวนั้นไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้สุภาพสตรีอยู่เป็นโสดกันมากขึ้น

จากงานวิจัยของวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาฯ พบว่าแนวโน้มของสุภาพสตรีวัย 40 ปีขึ้นไปที่อยู่เป็นโสดนั้นเพิ่มมากขึ้นจากในอดีต (เปรียบเทียบ 2553 และ 2513) มากกว่า 1 เท่าตัว และเมื่อสอบถามถึงสุภาพสตรีเหล่านั้นถึงสาเหตุที่ยังไม่แต่งงานก็พบว่าคำตอบที่ได้รับส่วนใหญ่คือ “ยังไม่เจอคนที่ใช่” นอกจากนี้สุภาพสตรีเหล่านี้ยังมีความคิดที่ว่าปัจจุบันเขามีความสุขสบายดีอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะแต่งงาน จะต้องทำให้สุภาพสตรีเหล่านี้มั่นใจได้ว่า ความสุขที่มีอยู่จะไม่ลดลง

การที่สุภาพสตรีอยู่เป็นโสดกันมากขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น สภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ทำให้สุภาพสตรีสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นโสดได้สุขสบายและเป็นอิสระมากขึ้นกว่าในอดีต สุภาพสตรีที่เป็นโสดในปัจจุบันจะเป็นผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงินมากกว่าในอดีต หรือ แม้กระทั่งมากกว่า สุภาพสตรีที่มีครอบครัว หรือแม้กระทั่งสุภาพบุรุษที่มีครอบครัว (แต่ให้ภรรยาเป็นคนบริหารจัดการทรัพย์สิน เงินทอง)

ปัจจุบันในโลกตะวันตกเริ่มมีการศึกษาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการที่สุภาพสตรีอยู่เป็นโสดมากขึ้น ซึ่งปรากฎว่าดูจากหลายๆ แหล่งข้อมูลแล้วเสมือนว่าการที่สุภาพสตรีอยู่เป็นโสดมากขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากขึ้น ในอเมริกานั้นสุภาพสตรีที่เป็นโสดจะมีการซื้อบ้านหลังใหม่ในอัตราส่วนที่มากกว่าสุภาพบุรุษที่เป็นโสด โดยเมื่อปีที่แล้วในอเมริกาสุภาพสตรีที่เป็นโสดนับเป็นร้อยละ 17 ของผู้ซื้อบ้านใหม่ในอเมริกา เทียบกับ ร้อยละ 7 ของสุภาพบุรุษที่เป็นโสด

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Georgia State ที่พบว่าสุภาพสตรีที่เป็นโสดนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจในอัตราที่เร็วกว่าสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่สมรสแล้ว สาเหตุสำคัญนั้นเนื่องจากสุภาพสตรีที่เป็นโสดนั้น ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจต่อสิ่งที่สังคมหรือบุคคลอื่นคิด (เลยกล้าที่จะเริ่มธุรกิจเอง) ขณะที่สุภาพสตรีที่สมรสแล้วมักจะคิดและคำนึงถึงความคิดของบุคคลอื่นมากกว่า นอกจากนี้สุภาพสตรีที่เป็นโสดมีความเชื่อว่าสามารถที่จะหารายได้จากการเป็นเจ้าของกิจการเองได้มากกว่าการเป็นลูกจ้าง

ถ้ามองจากสังคมในกรุงเทพ ก็จะพบว่าสุภาพสตรีที่เป็นโสดและมีรายได้เป็นของตนเองในกรุงเทพนั้นมักจะรวมตัวกันรับประทานอาหาร ซื้อของ ออกกำลังกาย ท่องเที่ยวกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะตรงข้ามกับสุภาพสตรีที่มีครอบครัวที่จะต้องให้เวลาและความสำคัญกับครอบครัวมากกว่า หรือแม้กระทั่งคนที่ขึ้นรถไฟฟ้าต่างๆ นั้น มากกว่าร้อยละ 80 ก็เป็นคนโสด แสดงให้เห็นว่าจริงๆ ในปัจจุบันพลังของคนโสด (โดยเฉพาะสุภาพสตรี) นั้นมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้จ่ายเงินและเศรษฐกิจของประเทศจริงๆ ครับ

ผมเชื่อว่ากลุ่มสุภาพสตรีที่เป็นโสดน่าจะเป็นอีกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความน่าสนใจ ทั้งทางด้านการเติบโต กำลังซื้อ สำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ ที่ไม่แพ้กลุ่มผู้สูงวัยเลย

ป.ล.ขอขอบพระคุณบรรดาสุภาพสตรีโสดรอบตัวที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับบทความนี้ครับ