มันก็ออกจะยากอยู่สักหน่อยนะ ในเรื่อง....

มันก็ออกจะยากอยู่สักหน่อยนะ ในเรื่อง....

“ถ้าทีมงานของท่าน ได้รับการปฏิบัติที่ดีและเหมาะสมจากท่าน ทีมงานของท่าน ก็จะปฏิบัติงานหน้าที่อย่างเต็มที่และปฏิบัติกับลูกค้าอย่างดีเช่นกัน"

ประโยคข้างบนนี้.. ผมไม่ได้คิดไม่ได้เขียนแบบ โลกสวย”..

แต่คิดและเขียนจากสิ่งที่ปฏิบัติจริง และหลายๆองค์กรที่ทำแบบนี้ ต่างก็เกิดผลดีแบบนี้เช่นเดียวกัน

ทุกธุรกิจ ทุกองค์กร ต่างก็อยากได้ลูกค้า อยากมีลูกค้าเพิ่ม เพราะหมายถึงองค์กรมีรายได้

ทุกวิธีการที่จะหาลูกค้า ทุกวิถีทางที่จะสร้างรายได้เพิ่ม ต่างก็พยายามเรียนรู้กันสุดชีวิต

ทำยังไงจะสร้างสินค้า-บริการและ Brand ที่ดึงดูดลูกค้า?

ทำยังไงจะสร้างยอดขายจาก่องทางขายเดิมที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางขายให้เท่าทันกับยุค Digital ในปัจจุบัน? ฯลฯ

แม้กระทั่ง...ทำยังไงจะใช้ ตัวชี้วัดที่เข้มข้น” รีดแรงกาย แรงงานพนักงานออกมาเพื่อให้ทำงานคุ้มค่าที่สุด กับเงินเดือน(อันน้อยนิด)ที่ต้องจ่าย!?

ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่ ลูกค้า” “รายได้” “ผลตอบแทนเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้น”!

อันที่จริงมันก็ถูกหลักสากลในโลกทุนนิยมอยู่แล้วที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อผลกำไร..(ให้กับใคร!?)

และเมื่อแต่ละที่ มุ่งมั่นมากเกินไปกับการหารายได้และผลกำไร.. ก็เริ่มจะ ละเลยทั้งแบบไม่ตั้งใจ และตั้งใจละเลยความรู้สึกของพนักงาน (โดยเฉพาะพนักงานระดับล่าง ที่รายได้น้อยสุด แต่ได้รับมากที่สุดในเรื่องการถูกละเลยหรือถูกเท!)

ไม่จำเป็นต้องโอ๋หรือมานั่งเอาใจพนักงานหรอกครับ เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็น...!

แต่ประเด็นที่อยากจะให้ฉุกคิด ก็คือ..

มันก็ออกจะยากอยู่สักหน่อยนะ...กับองค์กรที่มีแต่พนักงาน“ทุกข์ระทม”จะสร้าง“ความสุขให้เกิดขึ้นกับลูกค้าและสร้างรายได้”จากลูกค้าได้!(จริงมั๊ยครับ!?)

แต่มันออกจะเป็นเรื่องง่ายและเป็นไปโดยธรรมชาติมากกว่า ที่พนักงานที่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี การถูกละเลยและได้รับการเอารัดเอาเปรียบจากองค์กร...จะปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เต็มที่ ไม่เต็มใจ และพร้อมจะ“เอาคืน”บริษัททุกรูปแบบทั้งทางตรง ทางอ้อม ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจเช่นเดียวกัน..

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การขาด ลา มาสาย ลาให้เต็มเหนี่ยวไปเลยน้อง! แต่ทำงานไม่ต้องเต็มที่นะครับพี่!

ไปจนถึงไม่ทำตามหน้าที่ เพราะไม่มีความภักดี ความศรัทธา ในผู้บริหารและองค์กร!

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ... พนักงานมีทัศนคติลบทั้งกับงาน กับหัวหน้า กับผู้บริหาร กับองค์กร..

แล้วจะไปสร้างให้ลูกค้าเกิดความภักดีกับ Brand กับสินค้า-บริการแบะองค์กรได้ยังไง!?

(ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปถามพนักงาน ฝ่ายบริการ และฝ่ายขาย ไปจนถึงทีมหลังบ้าน ที่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากหน่วยงานและองค์กรดูสิครับ... แล้วจะหนาวถ้าได้ยินคำตอบประเภท บริษัทแย่มากในเรื่องโน้นเรื่องนี้ เอารัดเอาเปรียบ ข่มขู่กดดันพนักงาน ไม่เคยเห็นความสำคัญของพนักงาน แล้วยังจะมีหน้ามาใช้ให้บริการลูกค้าดีๆ หรือขายให้มากขึ้น ฝันไปเถอะ!)

ในทางตรงกันข้าม หลายๆธุรกิจ หลายๆองค์กร ผู้บริหารระดับสูงสุด ให้ความสำคัญและสร้างวัฒนธรรม...พนักงานสำคัญที่สุด!” รองลงมาคือลูกค้า ส่วนผู้ถือหุ้นอยู่อันดับท้ายๆในเรื่องความสำคัญ

จำนวนการลาออกของพนักงาน มีน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมนั้น และคนที่ออก ก็ออกไปเพราะความจำเป็นหรือเพื่อไปทำในด้านอื่นๆ และพูดแต่สิ่งที่ดีๆขององค์กร ของผู้บริหาร

ส่วนพนักงานที่ยังอยู่ในปัจจุบัน ก็ทำเต็มที่ ทำมากกว่าหน้าที่ เพราะทำด้วยใจ ผลงานและผลประกอบการของแต่ละหน่วยงานก็จะมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ KPI มาข่มขู่กดดันให้ความดันขึ้นเปล่าๆ!

(ลองสังเกตดูสิครับ บริษัทที่ใช้ KPI แบบไม่ลืมหูลืมตา มักจะเจอปัญหา KPI หน่วยงานของข้าต้องทำให้ๆได้ตามเป้า แต่จะสร้างปัญหาเรื่อง การประสานงา ย้ำ! ประสานงา ระหว่างหน่วยงานที่ ทะเลาะเบาะแว้ง ขัดกันเพราะ KPI ของใครของมันไม่สนใจเป้าหมายร่วมขององค์กร!)

ค่อยๆศึกษาเรียนรู้ แนวทางที่แต่ละองค์กร คิดและปฏิบัติกับพนักงานทุกระดับดูนะครับ มีจำนวนไม่น้อยที่น่าสนใจเป็นกรณีศึกษาทั้งด้านที่ดีและด้านที่แย่...ท่านจะเปลี่ยนความคิดในเรื่อง พนักงานของท่านไม่มากก็น้อย

และลองถามใจตัวท่านเองดูสิครับ..

ถ้าท่านเป็นพนักงานที่ได้รับการปฏิบัติอย่างแย่ๆ ถูกบริษัทเอารัดเอาเปรียบ ไม่เคยมองเห็นความสำคัญ..ฯลฯ

ท่านจะคิดและปฏิบัติงานของท่านอย่างเต็มที่หรือไม่? ท่านจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้หน่วยงานและองค์กรที่เอารัดเอาเปรียบท่านเจริญเติบโตหรือไม่ และท่านจะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับ Brand และองค์กรของท่านได้หรือไม่ !?

ถ้าไม่ตอบแบบโลกสวยว่า ยังไงต้องทำเต็มที่เพราะเราคือพนักงานมืออาชีพ... ท่านก็จะรู้ว่าคำตอบที่แท้จริงจะตอบยังไง..!?

ทีนี้รู้แล้วใช่มั๊ยครับ..ใครสำคัญที่สุดในองค์กร!?”