อันเนื่องมาจากเรื่องคำเตือนของบิล เกตส์

อันเนื่องมาจากเรื่องคำเตือนของบิล เกตส์

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา บิล เกตส์ เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับความปลอดภัยที่นครมิวนิก สื่อรายงานว่าข้อคิดหลักที่เขาเสนอคือ ในราวทศวรรษกว่า ๆ

ผู้ก่อการร้ายจะสามารถใช้อาวุธชีวภาพโจมตีชาวโลกได้ การโจมตีแบบนี้จะทำให้ชาวโลกตายถึงปีละกว่า 30 ล้านคน การตายด้วยเชื้อโรคร้ายที่กระจายไปในอากาศอาจถูกมองว่าเป็นไปได้ยาก แต่บิล เกตส์อ้างถึงเรื่องไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในปี 2461 ว่าฆ่าคนถึง 50-100 ล้านคน การตายในระดับ 30 ล้านคนนั้นจึงเป็นไปได้แน่นอน เชื้อโรคที่ผู้ก่อการร้ายใช้อาจเป็นเชื้อไข้ทรพิษสังเคราะห์ หรือเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดร้ายแรงที่แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เชื้อดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้นจากความสามารถทางด้านชีววิศวกรรม เขาเตือนว่า ในขณะนี้ชาวโลกไม่มีความพร้อมสำหรับรับมือกับการก่อการร้ายที่ใช้อาวุธชีวภาพ เขามองว่าความพร้อมด้านนี้มีความสำคัญไม่น้อยกว่าความพร้อมทางทหารที่ประเทศต่าง ๆ ทำกันอยู่

คำเตือนของบิล เกตส์มีน้ำหนักมากเนื่องจากเขามีความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีอย่างถ่องแท้ ชาวโลกโดยทั่วไปมักเข้าใจว่าเขามีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทำให้เขาเป็นอภิมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง เขามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเทคโนโลยีหลายด้านและสามารถอ่านหนังสือด้านเทคโนโลยีชีวภาพได้ไม่ต่างกับศาสตราจารย์ทางด้านนี้ อาจไม่เป็นที่ทราบกันดีว่า บิล เกตส์นำตำราและหนังสือเกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดทางชีววิทยาพร้อมกับหนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีอื่นและแนวคิดใหม่ ๆ ไปอ่านในช่วงเวลาที่เขาออกไปหาความวิเวกส่วนตัวเป็นระยะ ๆ ครั้งละหลายวัน นอกจากนั้น มูลนิธิการกุศลของเขายังสนับสนุนการวิจัยและการต่อต้านเชื้อโรคร้ายมาเป็นเวลานานอีกด้วย คำเตือนของเขาจึงเกิดจากความเข้าใจในด้านนี้อย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ

จากมุมมองของวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญเชื่อกันว่าเทคโนโลยีชีววิศกรรมจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง เทคโนโลยีดังกล่าวเกิดจากการสนธิกันของเทคโนโลยีดิจิทัลกับความก้าวหน้าทางด้านชีววิทยา การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้จะมีลักษณะเป็น “คลื่นลูกที่ 4” ต่อจากคลื่นลูกที่ 3 ตามแนวคิดและชื่อหนังสือของแอลวิน ทอฟเฟลอร์ บิล เกตส์เข้าใจในวิวัฒนาการนี้ดี คำเตือนของเขาจึงอาจมองได้ว่าเป็นการแย้งมุมมองของคนจำนวนมากที่เชื่อว่าเทคโนโลยีจะสามารถแก้ปัญหาซึ่งโลกกำลังเผชิญอยู่ได้ ความเชื่อนั้นเกิดจากการมองข้ามสัจธรรมข้อหนึ่งซึ่งได้แก่เทคโนโลยีมักมีคำสาปแฝงมาด้วยเสมอ หากนำมาใช้แบบไม่รัดกุม หรือไร้คุณธรรม มันจะทำความเสียหายมากกว่าผลดี เทคโนโลยียิ่งมีอานุภาพสูงเท่าไร ผลเสียหายจะร้ายแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น ย้อนไปในสมัยโบราณ ขวานเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ แต่มีโทษหากใช้แบบไม่รัดกุม หรือไร้คุณธรรม แต่อานุภาพอันจำกัดของมันทำให้คนร้ายใช้ฟันผู้อื่นได้เพียงทีละคน ส่วนเทคโนโลยีนิวเคลียร์สามารถผลิตไฟฟ้าได้มหาศาล ในขณะเดียวกัน มันอาจถูกใช้ทำลายคนได้ทีละนับล้านคน

ตัวอย่างที่อ้างถึงนั้นอาจมองเห็นได้ง่าย หลาย ๆ อย่างเห็นได้ยากหากไม่มองอย่างพินิจ อาทิเช่น เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด 3 ครั้งมีผลทำให้มนุษย์เรามีสุขภาพดีและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้มักมองกันว่าดี แต่มองข้ามไปว่าจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นนั้นนำไปสู่การทำลายธรรมชาติและการแย่งชิงทรัพยากรกันจนถึงขั้นอารยธรรมถูกทำลายหลายต่อหลายครั้งแล้ว ในปัจจุบัน การแย่งชิงกันนำไปสู่การใช้ความฉ้อฉลและกลยุทธ์สารพัดซึ่งรวมกันเป็นความเสื่อมทรามทางศีลธรรมจรรยา สภาวการณ์เช่นนี้ทำให้เข้าใจยากหากข่าวที่แพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนสะท้อนนโบยายของรัฐบาล นั่นคือ การสนับสนุนหญิงสาวให้ “ท้องเพื่อชาติ”

การสนับสนุนให้อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นเป็นแนวคิดที่หวังจะให้คนรุ่นใหม่เลี้ยงผู้สูงวัยที่มีจำนวนมากขึ้นโดยมองข้ามไปว่าคนรุ่นใหม่ต้องใช้ทรัพยากรด้วยเช่นกัน ในภาวะที่ทรัพยากรโลกกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เรื่องแนวคิดแบบมักง่ายนี้หากมีการนำไปใช้จนได้ผลทั่วโลก ความตายจากการก่อการร้ายดังกล่าวอาจไม่เท่าการตายจากการแย่งชิงทรัพยากรกันแบบเข้มข้นจนเป็นสงครามระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง