การเติบโตเริ่มมีแรงหนุน

การเติบโตเริ่มมีแรงหนุน

ช่วงกลางสัปดาห์นี้ ข้อตกลงระดับโลกเพื่อกระตุ้นการค้า ด้วยการลดกฎระเบียบ

และปรับปรุงกระบวนการตรวจตามแนวชายแดน ได้มีผลบังคับใช้แล้ว ท่ามกลางความหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ภายในปี 2573 โดยเลขาธิการองค์การการค้าโลกชี้ว่า การที่ข้อตกลงนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ ถือเป็นการปฏิรูปการค้าโลกครั้งใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้ ทั้งยังเชื่อว่าข้อตกลงการค้าใหม่จะลดต้นทุนการค้าลงเฉลี่ย 14.3% แต่สำหรับประเทศยากจนนั้นอาจลดต้นทุนลงมากกว่านี้ ทั้งยังสามารถหนุนนำการส่งออกในโลกได้อีก 2.7% ภายในปี 2573 โดยตัวเลขดังกล่าวน่าจะมากกว่าภาษีศุลกากรการค้า หากมีการปรับลดลงทั่วโลก

องค์การการค้าโลกได้ประเมินเกี่ยวกับผลดีต่อการส่งออก และคาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ประเทศที่ลงนามในข้อตกลง มุ่งมั่นที่จะปรับกระบวนการตรวจสอบตามแนวชายแดนเพื่อลดความยุ่งยาก เร่งเวลาในการเคลียร์สินค้าตามด่านศุลกากร เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการทางระบบออนไลน์ ยอมรับเอกสารดิจิทัล และจำกัดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ค้า โดยในเบื้องต้นนั้น ข้อตกลงนี้จะเป็นผลดีแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะชาติยากจนอย่างในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีความล่าช้าตามแนวชายแดนและมีระบบราชการที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ขณะที่ในภาพรวมนั้น การส่งออกที่สามารถดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถคาดหมายได้มากขึ้น ถือเป็นสิ่งดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและผู้ที่ค้าขายสินค้าข้ามแดน

หอการค้าระหว่างประเทศระบุว่าการที่ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ ถือเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่อาจช่วยให้เกิดการสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ในอีกมุมหนึ่งของโลกคือสหรัฐซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกนั้น ผู้นำสหรัฐก็กำลังจัดเตรียมเปิดเผยงบประมาณฉบับแรกของรัฐบาลชุดใหม่ ราวกลางเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องที่ผู้นำคนใหม่ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการทำงาน

ที่สำคัญคือการเปิดเผยงบประมาณประจำปีที่มีมูลค่าเกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์นี้ ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่จะดำเนินตามเป้าหมายต่างๆ พร้อมกับมีการลงรายละเอียด ซึ่งระหว่างการหาเสียงนั้น ผู้นำสหรัฐได้ประกาศรวมถึงให้คำสัญญามากมาย ทั้งการลดภาษี ลดกฎระเบียบ ทุ่มลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งยังมีโครงการที่เรียกเสียงวิจารณ์ อย่างการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนเม็กซิโก ไปจนถึงการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งหากนับรวมแล้วโครงการต่างๆ อาจสิ้นค่าใช้จ่ายถึง 5.3 ล้านล้านดอลลาร์

แม้ยังต้องรออีกระยะกว่าจะทราบรายละเอียด ด้านนโยบายของผู้นำใหม่สหรัฐ แต่การเอาจริงในการเดินหน้าทำตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้มีการคาดหมายว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวไปได้ ซึ่งหากเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่สามารถเติบโตไปได้ต่อเนื่อง จะเป็นผลดีต่อภาพรวมของโลก และต่อไทยด้วยเช่นกัน แม้ยังมีความเสี่ยงในประเด็นของการปกป้องการค้าที่ยังต้องจับตาดูก็ตาม ว่าจะมีการจัดทำมาใช้อย่างจริงจังมากน้อยแค่ไหน แต่หากทุกฝ่ายร่วมมือกันหาช่องทางการค้าใหม่ๆ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับส่วนรวมในยุคโลกาภิวัตน์ได้อย่างมาก