มิเชล โอบามา : เลือกใครเป็นผู้นำให้คิดถึงลูกหลาน!

มิเชล โอบามา : เลือกใครเป็นผู้นำให้คิดถึงลูกหลาน!

ผมนั่งฟังคำปราศรัยของ มิเชล โอบามา

 สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ ในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตเมื่อเช้าวันอังคาร (เวลาบ้านเรา) ตั้งแต่ต้นจนจบ

แน่นอนว่าเนื้อหาสาระหลักคือการสนับสนุน ฮิลลารี คลินตัน ให้ชนะการเลือกตั้งและเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

นั่นไม่ใช่เรื่องนอกเหนือความคาดหมาย

แต่ที่คนฟังมิเชลในหอประชุมส่วนใหญ่แล้วน้ำตาซึม (รวมถึงคณะนักวิเคราะห์ที่เรียกว่า commentators ของซีเอ็นเอ็นที่นั่งฟังสด ๆ อยู่ด้วย) เพราะเธอพูดในฐานะผู้หญิงและแม่ ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเชิญชวนให้คนอเมริกันเลือกใครเป็นผู้นำประเทศคนต่อไป

เธอบอกว่าปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสิน ไม่ใช่เรื่องพรรคเดโมแครตหรือรีพับบลิกัน ไม่ใช่ใครเป็นซ้ายหรือขวา

แต่ต้องเป็นคนที่พ่อและแม่เชื่อว่า คนที่จะเป็นประธานาธิบดี จะต้องเป็นแบบอย่างสำหรับเด็กๆ ทั่วประเทศไปอีก 4-8 ปี

ผมขอเอาบางตอนในคำปราศรัยส่วนนั้นมาเสนอให้ได้อ่านเต็ม ๆ ... ส่วนที่เกี่ยวกับว่าเธอกับ บารัก โอบามา สอนสั่งลูกสาวทั้งสองคนอย่างไร

How we insist that the hateful language they hear from public figures on TV does not represent the true spirit of this country.

ภาษาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง จากปากของบุคคลสาธารณะทางทีวี ไม่สะท้อนถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของประเทศนี้

(CHEERS, APPLAUSE เสียงปรบมือกึกก้อง)

How we explain that when someone is cruel or acts like a bully, you don’t stoop to their level. No, our motto is, when they go low, we go high.

สอนลูกว่าเมื่อใครทำทารุณกรรมหรือทำตัวข่มเหงรังแกเรา เราอย่าลดตัวลงไปให้ต่ำเหมือนเขา... หลักความเชื่อของเราคือ เมื่อพวกเขาลงต่ำ เราต้องมุ่งสูง

(CHEERS, APPLAUSE…เสียงเชียร์, ปรบมือ)

With every word we utter, with every action we take, we know our kids are watching us. We as parents are their most important role models. And let me tell you, Barack and I take that same approach to our jobs as president and first lady because we know that our words and actions matter, not just to our girls, but the children across this country, kids who tell us I saw you on TV, I wrote a report on you for school.

เรารู้ว่าเด็กๆ ติดตามฟังทุกคำที่เราพูด เฝ้ามองทุกการกระทำของเรา เราในฐานะเป็นพ่อและแม่คือแม่แบบที่สำคัญที่สุด... บารักและดิฉันยึดถือหลักการเดียวกันนี้ ในการทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เพราะเรารู้ว่าคำพูดและการกระทำของเรามีความสำคัญ ไม่เพียงแต่สำหรับลูกของเราเท่านั้น แต่ยังสำคัญสำหรับเด็กๆ ทั่วประเทศ...เด็ก ๆ ที่บอกเราว่าพวกเขาและเธอเห็นเราทางทีวี...เด็ก ๆ ที่บอกเราว่าพวกเขาและเธอเขียนรายงานในห้องเรียนเกี่ยวกับเรา

Kids like the little black boy who looked up at my husband, his eyes wide with hope and he wondered, is my hair like yours?

เยาวชนเช่นเด็กผิวดำคนหนึ่งที่มองขึ้นมาที่สามีของดิฉัน ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง และสงสัยว่า ผมของหนูเหมือนของท่านไหม?”

And make no mistake about it, this November when we go to the polls that is what we’re deciding, not Democrat or Republican, not left or right. No, in this election and every election is about who will have the power to shape our children for the next four or eight years of their lives

และเรื่องที่แน่ ๆ ก็คือในเดือนพ.ย.นี้ เมื่อท่านไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เราจะต้องตัดสินใจในประเด็นนี้ (ใครควรจะเป็นผู้นำของประเทศที่เราฝากความหวังไว้ สำหรับเป็นตัวอย่างของเด็ก ๆ ทั่วประเทศ)

ไม่ใช่การเลือกระหว่างเดโมแครตหรือรีพับบลิกัน

ไม่ใช่การเลือกระหว่างซ้ายหรือขวา

เปล่าเลย สิ่งเหล่านั้นมิใช่หัวใจของการเลือกตั้ง เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้และทุก ๆ ครั้งนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ใครจะมีพลังที่จะทำให้เยาวชนของเรามีความหวัง และเอาเป็นแบบอย่างได้ใน 4 ปีหรือ 8 ปีข้างหน้า

I wake up every morning in a house that was built by slaves.

ดิฉันตื่นขึ้นมาทุกเช้าในบ้าน (ทำเนียบขาว) ที่ก่ออิฐก่อปูนโดยทาส...

(CHEERS, APPLAUSE…เสียงปรบมือดังสนั่น)

And I watch my daughters, two beautiful, intelligent, black young women playing with their dogs on the White House lawn.

และดิฉันเห็นลูกสาว... สาวผิวดำที่สวยและแสนฉลาด... เล่นกับสุนัขที่สนามหญ้าในทำเนียบขาว

มิเชลกำลังเตือนคนอเมริกันทั้งประเทศ ว่าเธอตระหนักในความเปลี่ยนแปลงในสังคมอเมริกันอย่างยิ่ง...

เพราะเพียงสองร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้เอง ที่สหรัฐยังมีทาส... และใครจะเชื่อว่าเด็กผิวดำสองคนที่เป็นลูกของเธอ จะสามารถมานั่งเล่นในสนามหญ้าของทำเนียบขาวในวันนี้ได้?

แน่นอนว่านี่คือวาทะการเมือง นี่คือคำปราศรัยเพื่อเชียร์ให้คนลงคะแนนให้คนของพรรคของเธอ

แต่เมื่อเธอยกประเด็นว่าการเลือกผู้มาบริหารประเทศนั้น คุณสมบัติที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือ นักการเมืองคนนั้นเป็นตัวอย่างให้กับเด็กๆ ทั้งประเทศได้หรือไม่ ผมก็ถือว่านี่คือการจุดไฟแห่งจินตนาการที่นักการเมืองน้อยคนจะสำเหนียกมาตลอด

ผมจะไม่แปลกใจเลยหากคำปราศรัยของ มิเชล โอบามา วันนั้นจะกลายเป็นเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ฮิลลารีได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาก็ได้!