โฉมหน้า 'แก๊งเปลี่ยนระบอบ'

โฉมหน้า 'แก๊งเปลี่ยนระบอบ'

กรณีการจับกุมอดีตตำรวจชายแดน กับหนุ่มน้ำพอง

 ในข้อหาหมิ่นสถาบันฯ และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่น่าจะเรียกว่า “ขอนแก่นโมเดล” เพราะมี “ตัวละคร” ที่ถูกออกหมายจับเป็นผู้ประสานงาน “แดงนอก” กับ “แดงใน” จึงควรเรียกว่า โมเดลเปลี่ยนระบอบ มากกว่า

ชุดความคิดเรื่อง “เปลี่ยนระบอบ” นั้น แพร่หลายผ่านโซเชียลมีเดีย ,ยูทูบ และวิทยุออนไลน์ ที่หาชมหาฟังกันได้ไม่ยาก

ลองไล่ดูหัวโจกแก๊งเปลี่ยนระบอบ เริ่มจาก “คอมมิวนิสต์สติแตก” สุรชัย แซ่ด่าน ที่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้ทำคลิป “ปฏิวัติไทย” ออกมาเผยแพร่ต่อเนื่อง

“สุรชัย” จะประสานจัดรายการวิทยุออนไลน์ กลุ่มอาจารย์หวาน และโด่ง อรรถชัย ที่อยู่ทางฟากฝั่งสหรัฐ และยุโรป

ตามมาด้วย “หลวงตาชูพงศ์” หรือ ชูพงศ์ ถี่ถ้วน สานุศิษย์นอกแถวของประเสริฐ ทรัพย์สุนทร ที่หนีคดี 112 ไปซุกปีกพญาอินทรี และใช้นาม “ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ” อัดคลิปขายฝันให้กลุ่มต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เคลิ้มฝันกันเป็นระยะๆ

ชูพงศ์ อยู่ในสังกัดเดียวกับ เพียงดิน รักไทย หรือเสน่ห์ ถิ่นแสน โดย ”เพียงดิน” ก็ทำคลิปโจมตีสถาบันฯ และทำตัวเป็นนักยุทธศาสตร์หน้าจอจ้อไปเรื่อย

ตัวละครสายเปลี่ยนระบอบ ยังมีอีกคนหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีขอนแก่นโมเดลภาค 2 คือ แอนดี้พิษณุ พรหมสร นักจัดรายการวิทยุออนไลน์ ที่หลบหนีคดี 112 อยู่กับสุรชัย แซ่ด่าน ในประเทศเพื่อนบ้าน

“แอนดี้ พิษณุ” เป็นชาวสันกำแพง จ.เชียงใหม่ มาร่วมเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่ต้นปี 2550 เขาจึงสนิทกับ วราวุธ ฐานังกรณ์ หรือสุชาติ นาคบางไทร

ระหว่างปี 2550-51 การชุมนุมต้านรัฐประหารที่ท้องสนามหลวง กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะกลุ่มคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีแนวคิดจัดตั้ง “กองกำลังติดอาวุธ”

กลางปี 2552 ศาลออกหมายจับ “แอนดี้ พิษณุ” ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง เขาจึงหลบหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามหลัง สุชาติ นาคบางไทร ได้หลบหนีคดี 112 ไปก่อนหน้านั้น

ปลายปี 2553 “สุชาติ” กลับประเทศ และยอมให้ตำรวจจับกุมดำเนินคดี ส่วน “แอนดี้ พิษณุ” ยังไม่ยอมกลับ และทำตัวเป็นนักสู้ “เปลี่ยนระบอบ” ผ่านวิทยุออนไลน์ ร่วมกับชูพงศ์ ถี่ถ้วน

  กระทั่ง ฝ่ายความมั่นคงได้มีการสืบจากไลน์ สืบจากเฟซบุ๊ค พบการประสานกันระหว่าง กลุ่มขอนแก่นโมเดลกับ แอนดี้ พิษณุมีการวางแผนปรึกษาหารือเตรียมอาวุธเพื่อก่อเหตุในในพื้นที่สำคัญ

นอกจากนั้น ฝ่ายความมั่นคงได้เห็นข้อความที่โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ค ข้อความว่า“ให้ติดตามวันซ้อมกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อว่า จะมีการลอบทำร้ายบุคคลสำคัญของประเทศ” โดยไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นใคร?

ในที่สุด ฝ่ายความมั่นคงจึงบุกรวบตัว .ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีต ตชด.ที่ลาออกมาเป็น รปภ.แบงก์ชาติ สาขาขอนแก่น โดยหลังรัฐประหาร 2557 เขาถูกจับกุมพร้อมพวก 22 คนในคดีความมั่นคง “ขอนแก่นโมเดล”

จากล็อกตัว จ.ส.ต.ประธิน ก็ขยายผลไปถึง ณัฐพล ณวรรณ์เล หนุ่มขอนแก่นที่คุ้นเคยกับตำรวจและกลุ่มค้าอาวุธเถื่อนในพื้นที่

เจ้าหน้าที่ทหารนำตัว จ.ส.ต.ประธินกับณัฐพล เข้ากรุงเทพฯ มาซักถามในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 7 คน โดยส่วนหนึ่งเป็นจำเลยในคดีขอนแก่นโมเดล

ถ้ายังจำกันได้ วันที่ 24 พ.ค.2557 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยของกองทัพภาคที่ 2 เข้าจับกุมกลุ่มคนเสื้อแดงในนาม “กองทัพปราบกบฏ” ที่เตรียมวางแผนก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ได้ผู้ต้องหารวม 22 คน พร้อมอาวุธและเครื่องกระสุน ที่ชลพฤกษ์อพาร์ตเมนต์ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น

ปฏิบัติการเตรียมก่อเหตุร้ายครั้งนั้น ทางกองทัพภาคที่ 2 เรียกว่า “ขอนแก่นโมเดล”

แกนนำสำคัญในปฏิบัติการขอนแก่นโมเดล มีอยู่ 2 คนคือ มีชัย ม่วงมนตรี ชาว อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด แกนนำกองทัพปราบกบฏ กับ จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ ฝ่ายจัดหาอาวุธ

ต่อมา ศาลทหารขอนแก่น ได้อนุญาตให้จำเลยในคดีดังกล่าวได้รับการประกันตัว แต่อดีต ตชด.ไม่หยุดเคลื่อนไหว จึงเป็นเหตุให้ทหารเข้าตรวจค้นบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว

พลันที่มีข่าวทหารรวบตัว “จ.ส.ต.ประธิน” เข้ากรุง บรรดาจำเลยในคดีขอนแก่นโมเดล ก็หลบออกจากบ้านไป รวมถึงมีชัย ม่วงมนตรี

  จากขอนแก่นโมเดล มาจนถึงแผนลอบสังหารเหนือเมฆในวันนี้ สะท้อนว่า แก๊งเปลี่ยนระบอบไม่เคยหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่วันเดียว