กลยุทธ์คอนเทนท์สร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์

กลยุทธ์คอนเทนท์สร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์

นักการตลาดทราบดีว่าคอนเทนท์ (Content) ได้กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สามารถดึงลูกค้าให้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้

แต่บริษัทเองก็ยังสับสนว่าคอนเทนท์หรือเนื้อหาประเภทไหนที่สามารถจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ แน่นอนว่าบริษัทก็คาดหวังที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์คอนเทนท์

            ดังนั้นเราจะเห็นการสร้างคอนเทนท์ที่แฝงไปด้วยข้อเสนอส่งเสริมการขาย เช่น สิทธิพิเศษ โปรโมชั่น คูปองส่วนลด เพื่อที่จะหารายได้จากคอนเทนท์ที่เราส่งไปยังลูกค้า ทั้งผ่านอีเมล์ หน้าจอคอมพิวเตอร์ โมบาย เป็นต้น แต่ถ้านำข้อเสนอส่งเสริมการขายเพื่อสร้างรายได้มากเกินไป ลูกค้าอาจจะไม่ได้รับความประทับใจหรือประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์

            แล้วเราจะสร้างสมดุลระหว่างคอนเทนท์กับข้อเสนอส่งเสริมการขายได้อย่างไร

            จากการศึกษาของ emnos ในปี 2558  พบว่า 64% ของผู้บริโภคต้องการคอนเทนท์มากกว่าข้อเสนอส่งเสริมการขายจากร้านค้าปลีก และ 83% ของผู้บริโภครู้สึกว่ายังไม่ได้รับคอนเทนท์ที่ดีเพียงพอที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง โดยเฉพาะการพัฒนาไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคไม่ได้สนใจกับข้อเสนอส่งเสริมการขายเพียงอย่างเดียวหรือมากเกินไป บริษัทจะต้องนำเสนอคอนเทนท์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคน่าจะดีกว่า ตัวอย่าง การแนะนำสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ ที่อาจจะมีส่วนผสมมาจากร้าน ดีกว่านำเสนอด้วยโปรโมชั่นของส่วนผสมอาหาร โดยไม่บอกว่าส่วนผสมอาหารเหล่านั้น จะมีประโยชน์อย่างไรหรือไว้ใช้ทำอะไรบ้าง

          จริงแล้วก็ไม่ต่างกับการแชร์คอนเทนท์ในสื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้บริโภคชอบแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับจากแบรนด์ เช่น การใช้งานข้อดีข้อเสีย มากกว่าการแชร์เพียงแค่สิทธิพิเศษที่ได้รับ ผู้บริโภคจะชอบอ่านและแชร์คอนเทนท์ของเพื่อนที่มีประโยชน์ต่อตัวเองและต่อเพื่อนอื่นๆ

            อีกหนึ่งการศึกษาของClickFox พบว่า 32% ของผู้บริโภคยินดีที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับแบรนด์ที่พวกเขามีความภักดีด้วย ดังนั้นบริษัทจะต้องดีใจเป็นอย่างยิ่งกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ยิ่งได้ข้อมูลของพวกเขามากเท่าไร ก็สามารถนำเสนอคอนเทนท์และข้อเสนอส่งเสริมการขายได้ดียิ่งขึ้น ได้ใกล้เคียงกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

            อย่างไรก็ตามผู้บริโภคจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อ แบรนด์มีความจริงใจที่ใช้ข้อมูลนั้น ไม่ได้นำข้อมูลเหล่านั้นให้กับบุคคลภายนอกและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ป้องกันการขโมยข้อมูลเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

            ดังนั้นนักการตลาดจะต้องผสมกลมกลืนข้อเสนอส่งเสริมการขายเข้ากับคอนเทนท์ให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างแนบเนียน ตัวอย่าง ขนมโอริโอ้ที่เป็นแบรนด์เก่าแก่มายาวนาน มีการนำเสนอไอเดียใหม่ๆ แปลกๆ ในการรับประทานโอริโอ้ ผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าไม่ให้รู้สึกเบื่อที่จะรับประทานโอริโอ้ในแบบต่างๆ ตามวาระ และที่สำคัญผู้บริโภคยินดีที่จะรับคอนเทนท์เหล่านี้ด้วย

            ลองดูกลยุทธ์ต่อไปนี้ที่จะสร้างสมดุลให้กับคอนเทนท์ให้ดูไม่เสนอขายมากจนเกินไปและสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคกับแบรนด์ได้อีกด้วย

      1.คอนเทนท์ต้องมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา ทำให้พวกเขาเข้าใจในคอนเทนท์นั้นและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

      2.คอนเทนท์จะต้องถูกใจ เมื่อผู้บริโภคได้อ่านคอนเทนท์แล้วจะต้องบอกว่า "ใช่" เลยมันคือสิ่งที่ฉันต้องการดังนั้นคอนเทนท์ที่ดีจะต้องถูกคนถูกใจถูกเวลา

      3.คอนเทนท์จะต้องถูกส่งให้ถูกช่องทาง ด้วยผู้บริโภคอาจจะต้องการรับทางอีเมล์เท่านั้นบางรายต้องการคอนเทนท์ด้วยข้อความสั้นก็ได้ คุณจะต้องรู้ว่าพวกเขาต้องการคอนเทนท์ทางไหนถึงจะเข้าถึงพวกเขาได้ดีที่สุด

            ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแปลงคอนเทนท์ให้เป็นรายได้ ผู้บริโภคต้องการคอนเทนท์บริษัทก็ต้องการรายได้ ดังนั้นการสร้างสมดุลของคอนเทนท์กับข้อเสนอส่งเสริมการขายจึงเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์คอนเทนท์