เมื่อท่านผู้เฒ่าร่วมชุมนุม ต่อต้าน'นาจิบ ราซัค'

เมื่อท่านผู้เฒ่าร่วมชุมนุม ต่อต้าน'นาจิบ ราซัค'

การเมืองรอบบ้านเรากำลังร้อนแรง สิงคโปร์ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ 11 ก.ย. แซงพม่าที่ประกาศ

ไปก่อนหน้านี้ว่าจะหย่อนบัตรวันที่ 8 พ.ย. ท่ามกลางกระแสความแตกแยกในพรรครัฐบาล ของประธานาธิบดีเต็งเส่ง และความไม่แน่นอนในพรรคฝ่ายค้านของอองซานซูจี

ส่วนด้านใต้ มาเลเซียนั้นการเมืองพลุ่งพล่านออกมากลางถนน เมื่อวานเป็นวันชาติ และเป็นวันที่สามของการประท้วงของกลุ่มคนเป็นแสน ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ลาออก เพราะไม่สามารถตอบคำถามว่าเงิน 700 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 24,000 ล้านบาท) ที่เข้าบัญชีส่วนตัวของเขานั้นมาจากไหน

การประท้วงที่นำโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Bersih 4.0 (อ่านว่า “เบอร์เซ่ะ” แปลว่าสะอาด) ระดมคนได้จำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นนักเคลื่อนไหวด้านการเมือง หรือพรรคฝ่ายค้าน รวมไปถึงอดีตนายกฯ มหาธีร์ โมหะหมัด ที่ไปปรากฏตัวเพื่อร่วมเรียกร้องให้นาจิบก้าวลงจากตำแหน่ง

มหาธีร์ประกาศกลางฝูงชนว่า สิ่งที่เขาต้องการจะบอกนายกฯนาจิบก็คือ

“The people do not like him. The people want him to step down. I want Najib to step down.”

เป็นภาพที่หาดูได้ไม่ง่าย เมื่ออดีตนายกฯ วัย 90 ที่ปกครองประเทศมากว่า 20 ปี และเป็นแกนสำคัญของพรรครัฐบาล UMNO มาตลอดออกมาร่วมกับผู้ประท้วงจากหลากกลุ่มเป็นครั้งแรก เพื่อกดดันให้นายกฯคนปัจจุบันลาออกทั้ง ๆ ที่ตนเคยสนับสนุนให้ขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้

ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือมหาธีร์เปรียบเทียบการชุมนุม ของคนมาเลเซียครั้งนี้ว่าเหมือน “People Power” ของฟิลิปปินส์เมื่อปี 1986 ที่ประชาชนออกมาเป็นแสนเป็นล้านเพื่อโค่นเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส

เป็นภาพการเมืองข้างถนนที่หาดูได้ยาก เพราะมหาธีร์บอกว่า การเดินขบวนกลางถนนเป็นทางเลือกสุดท้ายของเราแล้ว เพราะก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะออกมาให้สัมภาษณ์ และเขียนหนังสือเรียกร้องให้นาจิบลาออกก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด

เรื่องอื้อฉาวที่เป็นประเด็นหลักของฝ่ายประท้วง คือเงินที่ขาดทุนและหายไปจากกองทุนรัฐบาล 1Malaysia Development Berhad หรือ 1MDB ที่นาจิบเป็นประธาน และมีเงินก้อนใหญ่โผล่ในบัญชีส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี

นาจิบบอกว่าเงินก้อนนี้เป็น เงินบริจาคทางการเมืองจากประเทศในตะวันออกกลางแต่ไม่ยอมให้รายละเอียดกับประชาชนว่าใครคือคนให้เงินก้อนนี้

มหาธีร์ยืนยันว่านาจิบตอบคำถามนี้ไม่ได้ และเขาไม่ยอมลงจากตำแหน่งเพราะหากไม่มีอำนาจแล้ว นาจิบก็ต้องถูกจับขึ้นศาลแน่นอน

นาจิบตกอยู่ในสภาพหลังติดกำแพง เพราะการบริหารประเทศมีปัญหา คอร์รัปชันในหมู่นักการเมืองและราชการมีอยู่อย่างกว้างขวาง

เงินสกุลริงกิตของมาเลเซียอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีลดค่าเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแล้ว 16% ถือเป็นเงินสกุลที่ย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาคนี้ทีเดียว

คนในพรรค UMNO เองก็เริ่มจะแตกคอกัน มุ้งของมหาธีร์ในพรรคเริ่มจะแสดงความไม่พอใจนาจิบหนักหน่วงขึ้น และยิ่งเมื่อเขาไล่รองนายกฯ มูยิดดิน ยัสซิน ออกเพราะเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหานายกฯ อย่างตรงไปตรงมา, ก็ยิ่งทำให้เห็นว่านาจิบมีเรื่องปิดบังซ่อนเร้นที่กำลังจะทำให้บัลลังก์การเมืองเขาสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น

นายกฯคนไหนปลดอัยการสูงสุดที่กำลังทำหน้าที่สอบสวนเรื่องของตนเอง ย่อมไม่อาจจะเรียกได้ว่ามีความโปร่งใสและพร้อมจะให้ตรวจสอบ

นาจิบใช้วิธีควบคุม คุกคาม และกดดันสื่อมวลชนของมาเลเซียทุก ๆ ด้าน แต่ก็ไม่อาจจะปิดช่องการรายงานข่าวและแสดงความเห็นใน social media ที่มีความคึกคักอย่างยิ่ง และเป็นแหล่งการสื่อสารของฝ่ายต่อต้าน ในการนัดหมายชุมนุมครั้งนี้อย่างกว้างขวางหลากหลาย

การเมืองมาเลเซียกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่อีกครั้ง เพราะแม้นาจิบจะไม่ยอมสละตำแหน่ง และใช้กลไกรัฐรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้ แต่เสียงประชาชนและกลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน ที่รวมพลังกับนักเคลื่อนไหวได้อย่างเหนียวแน่น ก็จะต้องสามารถโค่นการเมืองฉ้อฉลในไม่นานเกินรอ

การเมืองอาเซียนวันนี้ (รวมทั้งของไทยเอง) กะพริบตาเพียงประเดี๋ยวเดียวก็ตกข่าวใหญ่ได้ทันที!