ขาดความต่อเนื่อง

ขาดความต่อเนื่อง

งวดเข้ามาเต็มทีสำหรับร่างรัฐธรรมนูญ ที่สปช.จะโหวตกันในวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ย. ช่วงนี้กมธ.ยกร่างฯ เร่งประชาสัมพันธ์

ทำความเข้าใจ เปิดเวทีพบสื่อมวลชนเพื่อตอบข้อสงสัย แต่ล่าสุดในการพบสื่อเป็นวันที่สองเมื่อถูกถามถึงเสียงเรียกร้องให้กรรมาธิการฯ ที่ควบตำแหน่งสปช. ทั้ง 21 คนงดลงมติรับรธน. นายมานิจ สุขสมจิตร กลับตอบเพียงสั้นๆ ว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามเอาไว้ แล้วเชิญสื่อออกจากห้องประชุม ทั้งที่เพิ่ง“พบ”กันได้เพียง 47 นาที

000 ส่วนเวทีแถลงข่าวของกลุ่มมารา ปาตานีโดยตัวแทนกลุ่ม“เห็นต่าง”ทั้ง 7 คน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเพราะอย่างน้อย ก็แสดงให้เห็น“เจตนา”ที่จะยุติปัญหาและหยุดความรุนแรงร่วมกัน แต่ปัญหาที่ถูกสะท้อนและรัฐบาลไทยต้องฟังก็คือ“นโยบาย”ของไทยเปลี่ยนแปลงบ่อยจนขาดความต่อเนื่อง

000 การเจรจาที่เกิดขึ้นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือเป็นการเริ่มต้น“นับหนึ่ง”ใหม่อีกครั้ง นับจาก 1 ธ.ค.2557 เพราะฉะนั้นหากไม่ผลักดัน“การเจรจาสันติสุข”ให้เป็นวาระแห่งชาติ ก็ยากที่จะเดินหน้าพูดคุยกันต่อไป และยากที่จะลงลึกไปในสาระสำคัญ000 อีกเรื่องที่บอกตามตรงว่าสับสนเหลือเกินคือความคืบหน้าของคดีระเบิดราชประสงค์ที่มี“เบาะแส”ออกมาวันละ 3 เวลาหลังอาหาร แต่จับความได้ลำบาก เดี๋ยวก็มีข่าวว่าจะออกหมายจับเพิ่ม พบรถสามล้อ พบรถแท็กซี่ ตรวจดีเอ็นเอแบง์20 รวมทั้งสัญชาติคนร้ายที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ที่ให้สัมภาษณ์ตรงกันอยู่หลายครั้งก็จะมีเพียงปัญหากล้องวงจรปิดคุณภาพไม่ดี มีจำนวนไม่เพียงพอ และไม่มีเครื่องมือเพิ่มความคมชัดของภาพ สมควรจะต้องจัดซื้อเพิ่ม   

000 เช่นเดียวกับคดีทุจริตโอนหุ้นเสี่ย“ชูวงษ์” ที่ผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 ราย เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ และห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน แต่สาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าต้องรออุปกรณ์เพื่อนำมาใช้จำลองเหตุการณ์อุบัติเหตุ

000 ฟังแล้วรู้สึกเหมือนบ้านเราล้าหลังขาดแคลนเครื่องไม้เครื่องมือ จนจำเป็นจะต้องเร่งจัดซื้อกันขนานใหญ่ แต่ซื้อมาแล้วเกรงเหลือเกินว่าจะไปเหมือนกับเครื่อง“ซีทีเอ็กซ์”สุวรรณภูมิ ที่ซื้อมาราคาแพง แต่ตรวจไม่พบการซุกอาวุธปืนออกนอกประเทศ หรือแบบเดียวกับเครื่องแสกนบุคคลที่รัฐสภา ที่มาพร้อมโปรโมชั่น “ซื้อ 4 ใช้ได้ 3”  

000 เมื่อวันก่อนเป็นประเด็นวิจารณ์กันว่อนโลกโซเชียล ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้คำสั่งคสช.มาตรา 44 ห้ามเรียก “ผู้มีรายได้น้อย”ว่า“รากหญ้า” เสียงชื่นชมก็พอมีเพราะเข้าใจในเจตนาดีว่าท่านนายกฯ ไม่อยากให้เกิดการแบ่งชนชั้นในสังคมไทย แต่ที่ตั้งข้อสงสัยก็มีมากว่าหากประกาศใช้มาตรานี้กันพร่ำเพรื่อก็จะขาดความ“ขลัง”

000 ร้อนถึงท่านโฆษก พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ต้องรีบออกมาแจงในเย็นวันเดียวกันว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีเจตนาจริงตามนั้น แต่เป็นการ“ล้อเล่น”กับผู้เข้าร่วมฟังปาฐกถาในเวที“ปฏิรูปการศึกษา” แต่บังเอิญว่าที่คนเชื่อกันมากเพราะไม่ทันคิดว่า “ผู้หลักผู้ใหญ่” จะพูดเล่น โดยเฉพาะบนเวทีเป็นทางการที่มีคนนั่ง“ตั้งอกตั้งใจฟัง”อยู่นับร้อย

000 ส่วนสื่อมวลชนที่เอาข่าวไปนำเสนอ ก็ถอดความตามคำพูด คงไม่ได้มีเจตนาทำให้เสียหาย รอบนี้นายกฯประยุทธ์ คงไม่ถือสาหาความว่าเป็นการจ้องทำลายเหมือนหลายคราวที่ผ่านมา เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องจินตนาการหรือสร้างข่าว แต่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของท่านเอง !!!   

 .........................................

นฤพีร์ เพชรดล [email protected]