ถึงเวลาของ “นักล่า..หุ้นถูกสุดๆ”

ถึงเวลาของ “นักล่า..หุ้นถูกสุดๆ”

ช่วงนี้คุณผู้อ่านหลายท่าน คงจะสับสนเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่พอควร

โดยคิดไม่ออกว่า เวลานี้เป็นเวลาที่ควรจะเข้าไปลงทุนแล้วหรือยัง? ผมจึงอยากขอนำบทความหนึ่งในหนังสือของผมที่มีชื่อว่า “อยากรวย ต้องเปลี่ยน..วิธีคิด” โดยเป็นเรื่องราวของนักลงทุนในระดับโลกคนหนึ่ง ที่ชอบแสวงหาหุ้นราคาถูกๆ เขามีชื่อว่า ฟรานซิส โชว โดยโชวมีฉายาในหมู่นักลงทุนว่า “นักล่า..หุ้นถูกสุดๆ” โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

ฟรานซิส โชว (Francis Chou) เขาเป็นผู้อพยพชาวอินเดียที่อพยพมาจากเมืองอัลลาฮาบัด(Allahabad) ประเทศอินเดีย และอพยพเข้าไปอยู่ในแคนาดาในปี 2522  ในเวลานั้นโชวมีอายุเพียง 20 ปี และยังมีเงินติดตัวเพียง 200 ดอลลาร์เท่านั้น โชวเริ่มต้นทำงานเป็นช่างซ่อมโทรศัพท์กับบริษัท เบลล์ แคนาดา แม้ว่าโชวจะจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเท่านั้น สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จก็คือ “นิสัยการเป็นนักอ่านตัวยง” และเขาก็ได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะของเบนจามิน เกรแฮม ที่เคยเป็นอาจารย์ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ อดีตมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก

ความรู้ด้านการลงทุนได้ทำให้โชวเปลี่ยนไป ในปี 2524 โชวได้ก่อตั้งชมรมนักลงทุนพร้อมกับเพื่อนร่วมงานของเขาที่เบลล์ แคนาดา อีก 6 คน จากเงินเริ่มต้นเพียง 51,000 ดอลลาร์ เขาได้นำเงินดังกล่าวไปลงทุนจนเพิ่มพูนขึ้นเป็น 1.5 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 5 ปี

แนวความคิดการลงทุนของ ฟรานซิส โชว

ปรัชญาในการลงทุนง่ายๆ ของฟรานซิส โชว ก็คือ “ซื้อของถูก” กลยุทธ์การตั้งใจซื้อของถูกของโชวนั้น เป็นที่รับรู้กันในวงกว้างจนเขาได้รับสมญาว่า “นักล่าของถูกสุดๆ” (Bottom Fisher) ซึ่งเทคนิคการลงทุนของโชวนั้น พอที่จะจำแนกออกมาได้ดังนี้

- จะต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return of Equity-ROE) ไม่น้อยกว่า 15% เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ปี หรือมากกว่านั้น

- บริษัทดังกล่าวจะต้องบริหารงานโดยผู้บริหารที่มีความสามารถและความชำนาญสูง โดยมีระบบการควบคุมลูกหนี้ สินค้าคงคลัง และสินทรัพย์ถาวรเป็นอย่างดี

- มีการบริหารเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นบริษัทที่ชอบซื้อหุ้นของตนคืน เพื่อเพิ่มมูลค่าของหุ้นของตน

- ราคาหุ้นจะต้องต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้นเป็นจำนวนมาก

โชวเป็นคนที่มีวินัยในตัวเองอย่างสูง เขายินดีที่จะถือเงินสดมากกว่าที่จะไปซื้อหุ้นที่เขาคิดว่าแพง

โชวชอบลงทุนใน “บริษัทที่ประสบกับวิกฤติชั่วครั้งชั่วคราว”

บริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีมาโดยตลอด แต่ต้องประสบพบกับวิกฤติชั่วครั้งชั่วคราว จะเป็นบริษัทที่โชวชอบลงทุนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อบริษัทที่ดีประสบกับปัญหา นักลงทุนก็มักจะเทขายหุ้นของบริษัทเหล่านี้ออกมาแทบจะทันที จนทำให้เกิดภาวะ “ขายมากเกินไป” (Oversold) และทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาอย่างรุนแรง จนต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นของตัวมันเองเป็นอย่างมาก ในเวลานั้นโชวก็จะเริ่มลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าวในราคาที่ตกต่ำลงมา ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จากนั้นเมื่อตลาดรับรู้แล้วว่า ปัญหาดังกล่าวจะไม่สามารถทำให้ผลประกอบการของบริษัทนั้นย่ำแย่ลงได้ เมื่อนั้นราคาหุ้นก็จะพุ่งขึ้นกลับขึ้นไปอยู่ในระดับเดิม และปิดโอกาสที่จะสามารถซื้อหุ้นในราคาถูกสุดๆ ดังกล่าวได้อีก

เทคนิคการล่า “หุ้นหลายเด้ง” ของฟรานซิส โชว

โชวมีเทคนิคในการค้นหาหุ้นที่มีราคาถูกมากๆ เพื่อที่จะให้หุ้นเหล่านั้นสร้างผลตอบแทนออกมาให้สูงที่สุดดังนี้

-  โชวต้องการให้หุ้นที่เขาจะซื้อนั้น มีราคาที่ต่ำมากๆ จนทำให้เกิดส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) ที่กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ โดยโชวจะพยายามซื้อหุ้นให้ได้ในราคาเพียง 50-60% ของมูลค่าที่แท้จริงของราคาหุ้นนั้นๆ

-  นิสัยประการหนึ่งของนักล่าหุ้นหลายเด้งก็คือ ต้องเป็นคนกล้าเสี่ยง ซึ่งโชวก็เป็นเช่นนั้น แต่โชวจะกล้าลงทุนซื้อหุ้นเหล่านั้นก็ต่อเมื่อ เขาได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และรอบคอบที่สุดแล้วเท่านั้น

-  โชวคิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่มักจะลงทุนผิดพลาด เพราะเขาจะชอบซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นเริ่มวิ่งขึ้นไปแล้ว แทนที่จะซื้อหุ้นเมื่อราคายังตกต่ำอยู่ ซึ่งควรจะใช้วิธีเดียวกับที่เราซื้อเสื้อผ้าตอนที่มันลดราคา

-   โชวเป็นคนที่พร้อมจะลงทุนหนักๆ ถ้าหากการลงทุนนั้นเขามั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนให้เขาได้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งเขาเคยนำเงินจำนวน 16% ของกองทุนของเขาทั้งหมด เข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทเซียร์สโฮลดิ้ง (Sears Holding) เพราะว่าโชวมั่นใจว่าบริษัทแห่งนี้ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าหุ้นตกประมาณ 40-50 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่เขาสามารถซื้อหุ้นของบริษัทนี้ได้เพียง 25 ดอลลาร์ต่อหุ้นเท่านั้น

ท้ายนี้ ผมอยากจะขอนำคำกล่าวของโชวที่กล่าวถึงนักลงทุนที่เก่งไว้ว่า “If you know how to spot a bargain it will make you a good investor”แปลตามความได้ว่า “ถ้าคุณรู้ถึงวิธีหาหุ้นราคาถูกได้แล้ว นั่นแหละ คุณถึงจะกลายเป็นนักลงทุนที่เก่งได้” 

คุณผู้อ่านล่ะครับ..เป็นนักลงทุนที่เก่งแล้วหรือยังครับ?

-------------------

ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์

วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต