หมอเศรษฐกิจทุกสำนัก วินิจฉัยตรงกัน : ‘ประเทศไทยกำลังป่วย’
ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล บอกว่า การส่งออกของไทยกำลังเผชิญกับ Perfect Storm
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ในฐานะสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสมาชิกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ บอกว่า ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างของประเทศนับวันดูเหมือนจะถอยหลัง โดนเพื่อนแซง ข้าวเราก็เสียแชมป์การส่งออก การท่องเที่ยวก็เสียแชมป์
ท่านบอกว่าประเทศไทยเหมือนรถเก่า มันค่อย ๆ ขับ ขณะที่เพื่อนเป็นรถสปอร์ต เขาไปเร็วอย่างเกาหลีใต้สิงคโปร์ เขาไปไหนแล้ว
แปลว่าไทยจะต้องปรับตัวจากการเป็น “รถบุโรทั่ง” เป็น “สปอร์ตคาร์” ให้ได้
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญจัดทำวิสัยทัศน์ และออกแบบอนาคตประเทศไทย บอกว่าประเทศไทยทุกวันนี้ถือว่าอยู่ใน “โลกที่ 2” หรือเป็นประเทศกำลังพัฒนา ท่ามกลางยุคการขับเคลื่อนของประเทศต่าง ๆ ในเวทีโลกที่สิงคโปร์และเกาหลีใต้สามารถปฏิรูปประเทศจนได้เข้าไปสู่ “โลกที่ 1” หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว
ท่านบอกว่า ถ้าประเทศไทยอยู่กับที่ในโลกที่ 2 หรือปฏิรูปประเทศไม่ได้ มีแต่ถอยไปข้างหลัง ไม่สามารถไปแข่งขันประเทศใดได้เลย
ดร.สุวิทย์ บอกว่า ประเทศไทยยังมีปัญหาเชิงซ้อนในเรื่องสมรรถนะการแข่งขันระยะยาวเพราะคุณภาพของคนไทยแย่ลง และกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น
กลายเป็นปัญหา 2 เด้งที่ทำให้เติบโตไม่ได้เต็มที่
อีกทั้งยังเผชิญ “กับดัก” ประเทศที่มีรายได้ปานกลางและหากผ่านตรงไปนี้ไปไม่ได้ ยังต้องเผชิญ “กับดัก” ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนต่ำสุดกับคนรวยสูงสุด
อย่างนี้ก็เท่ากับต้องเจอกับ Perfect Storm อีกลูกหนึ่ง
คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยรับตำแหน่งนี้เป็นวาระที่สองบอกว่าธุรกิจไทยโดยเฉพาะด้าน SME ไม่ได้เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันเลย
ท่านบอกว่าจากข้อมูลของ World Economic Forum (WEF) ในปี 2557 อันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ที่ 31 จากทั้งหมด 144 ประเทศ
ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 52, อินโดฯอยู่ที่ 34, มาเลเซีย 24, สิงคโปร์อยู่ที่ 1
เขาคาดการณ์ว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือปี 2560 ฟิลิปปินส์และอินโดฯ จะดีขึ้น แต่ไทยจะลดลง
คุณอิสระมีข้อมูลเพียบในความอ่อนแอของเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ของไทย และเสนอว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อขับเคลื่อนไทยไปสู่การเป็นผู้นำในอาเซียน พัฒนาไปสู่การเป็น “ชาติแห่งการค้า” หรือ Trading Nation และพัฒนาธุรกิจบริการของไทยไปสู่ระดับโลก
ท่านยืนยันว่า “ถ้าไม่ทำวันนี้ ในอนาคตไทยจะแข่งขันไม่ได้”
ในการสัมมนาอีกเวทีหนึ่ง ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัดบอกว่าทุกวันนี้ประเทศในเอเซียโตเกิน 5% ขณะที่เมืองไทยโต 3% ถือว่ายากแล้ว
สาเหตุที่ทำให้ประเทศไทย “ป่วย” คือปัญหาด้านปริมาณและคุณภาพแรงงาน และความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย
ท่านบอกว่าไทยเจออยู่สองโรคใหญ่ ๆ คือ “โรคแก่ก่อนรวย” และ “หย่อนสมรรถภาพ”
“แก่ก่อนรวย” เพราะประชากรหรือแรงงานในวัยทำงานน้อยลงเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ขณะที่ทรัพยากรคนวัยทำงานที่จะต้องใส่เข้าไปเพื่อดูแลคนแก่และเด็กมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ทรัพยากรด้านนี้มีประสิทธิภาพน้อยลง
ทุกวันนี้การเจริญเติบโคของคนวัยทำงาน คนไทยอยู่ระดับต่ำกว่าของเอเซียแล้ว แม้ประชากรไทยจะไม่ลดเหมือนในญี่ปุ่น แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราก็จะเริ่มลดลง แม้สิงคโปร์ที่เราคิดว่าคนของเขาเริ่มแก่แล้ว แต่ประชากรวัยทำงานของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
คำถามก็คือว่าหากนักลงทุนต่างประเทศจะย้ายฐานการผลิต เขาจะเลือกประเทศไหน หากแนวโน้มประชากรแรงงานของเรายังมีความเสี่ยงเช่นนี้
“โรคหย่อนสมรรถภาพ” หมายถึง คุณภาพแรงงานที่ใส่ลงไปในเครื่องจักรเศรษฐกิจไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้รายได้ของแรงงานแต่ละคนเริ่มโตช้าลงอย่างต่อเนื่อง
ท่านถามว่า “ประเทศไทยไม่ได้กำลังเจอวิกฤติขนาดประเทศแตกหรือวิกฤติเศรษฐกิจแบบรุนแรง แต่กำลังเข้าสู่ภาวะที่โตช้าๆ แทนที่จะเป็นต้นไม้โตเร็ว เรากำลังจะกลายเป็นบอนไซหรือเปล่า?”
อาการทั้งหมดที่ผมรวบรวมจากผู้รู้ที่ได้แสดงออกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายืนยันว่าประเทศไทย “ป่วย” จริง
“หมอ” วินิจฉัยโรคตรงกัน
คำถามคือ “หมอ” ทั้งหลายแนะนำให้รักษาโรคนี้อย่างไร? จะได้ว่ากันในคอลัมน์นี้ต่อไปครับ