เนต้า ท้าทายครั้งใหญ่  เสริมรถใหม่ ตั้งเป้าขายโต 2 เท่าตัว

เนต้า ท้าทายครั้งใหญ่  เสริมรถใหม่ ตั้งเป้าขายโต 2 เท่าตัว

เนต้า (NETA) เข้ามาเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ในประเทศไทยปี 2565 ในฐานะ ซิตี้ อีวี รถขนาดกะทัดรัดราคาเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าไม่น้อย ปีที่ผ่านมา เป้นโมเดลที่สร้างยอดขายสูงสุดอันดับ 2 รองจาก บีวายดี แอทโต 3 โดยมียอดขายประมาณ 1.5 หมื่นคัน

ปี 2567 เนต้า (NETA) ตั้งเป้าการขายที่น่าตื่นเต้น 3 หมื่นคัน หรือเติบโต 2 เท่าตัว โดยผู้บริหารยืนยัจะสามารถผ่านความท้าทายนี้ได้ไม่ยาก มาจากปัจจัยหลักคือ สินค้า ตลาด และเครือข่าย

โดยในด้านของสินค้า  ตั้งแต่เปิดตัว เนต้ามีรถทำตลาดรุ่นเดียว คือ เนต้า-วี (NETA V) แต่ปีนี้ นอกจากการปรับโฉม เนต้า วี เป็น เนต้า วี-ทู (NETA V-2) ซึ่งปรับโฉมใหม่บาางส่วนทั้งภายนอก ภายใน ให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้นแล้ว ยังเพิ่มออปชั่นเข้าไปรวมถึงระบบความปลอดภัย อย่าง ADAS ทำให้เชืื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ปีนี้เนต้าจะมีสินค้าใหม่เข้ามาช่ววยเสริมตลาดอีกแรงก็คือ เนต้า เอ็กซ์ (NETA X)  รถในรูปแบบเอสยูวี ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้การทำตลาดเนต้า เอ็กซ์ จะเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้านอีวีของภาครัฐ หรือ EV 3.5 ซึ่งหมายถึง เนต้า มีแผนที่จะประกอบ เนต้า ในไทย เป็นไปตามกฎเกณฑ์การส่งเสริมของภาครัฐ หลังจากเนต้า วี-ทู ขึ้นสายการประกอบในไทยอย่างเป็นทางการไปแล้ว ที่โรงงานบางชัน เยเนอเรล เอเซมบลี 

โดยเนต้า เอ็กซ์ จะเริ่มต้นประกอบในช่วงไตรมาสที่ 3 ปีนี้ 

“ตลาดเอสยูวีนั้น ลุกค้ามีความต้องการพอควร แต่เราจะทำตลาดด้วยการประกอบในประเทศทันที ไม่ได้นำเข้าจากโรงงานประเทศจีน แต่โรงงานซึ่งวันนี้ประกอบ เนต้า วี-ทู ต้องใช้เวลาเซ็ทจึงสามารถประกอบได้ในช่วงไตรมาส 3” ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว

เนต้า ท้าทายครั้งใหญ่  เสริมรถใหม่ ตั้งเป้าขายโต 2 เท่าตัว

สำหรับการประกอบรถในไทย เนต้า ยืนยันว่าจะใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 50% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์การบังคับที่กำหนดไว้ขั้นต่ำ 40% และยังยืนยันว่า ขิ้นส่วนที่จะใช้ในประเทศ รวมถึงชิ้นส่วนสำคัญ 15 รายการอีกด้วย 

ขณะที่ปัจจัยบวกที่ 2 คือ ตลาดอีวี เนต้า เชื่อว่าตลาดยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 ที่ผ่านมา อีวี ไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากไม่ถึง 1 หมื่นคัน เป็น 7.6 หมื่นคัน และมีส่วนแบ่งตลาดรวมประมาณ 10%

แต่ปีนี้เนต้าเชื่อว่า การตอบรับของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และการที่ผู้จำหน่ายอีวี เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น รายเดิมเพิ่มรุ่นต่างๆ ทำตลาดมากขึ้น จะยังเป็นตัวเร่งให้อีวีขยายตัว โดยเชื่อว่าปีนี้สัดส่วนอีวีจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% 

“ผู้บริโภคชาวไทยตอบรับอีวีมากขึ้น เพราะเห็นถึงความสามารถในการใช้งาน ความประหยัดจากการใช้งาน”

ขณะเดียวกันพบว่ารถในกลุ่มขนาดเล็กหรือ อีโค คาร์ และซับ คอมแพคท์ เป็นตลาดที่ได้รับนิยมสูง รวมถึงตลาดรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ ซึ่งพบว่าแต่ละปีมียอดขายรวมประมมณ 1.65 แสนคน ซึ่งเนต้า วี ก็เป็นรถที่อยู่ในกลุ่มนี้

นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ในไตรมาสแรกของปีหน้าเพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่น ทั้งนี้เนต้าจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ 1 รุ่นทุกปี

ด้านปัจจัยเสริมด้านเครือข่ายการจำหน่ายและบริการที่ปัจจุบัน เนต้า เปิดบริการ 65 สาขา เตรียมที่จะขยายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะต่างจังหวัด

“ที่ผ่านมาเครือข่ายของเนต้า ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักๆ แต่จากการศึกษารายละเอียดของตลาด พบว่าตลาดเนต้า เป็นลูกค้าต่างจังหวัด 50%” 

เนต้า ท้าทายครั้งใหญ่  เสริมรถใหม่ ตั้งเป้าขายโต 2 เท่าตัว

หวัง เฉิงเจี่ย รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ เซลส์ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า การขยายเครือข่ายเป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญของ เนต้า

สำหรับตลาดประเทศไทย เพื่อเพิ่มความสามารถและคุณภาพในการบริการลูกค้า สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น รวมกับอีก 3 นโยบายหลักคือ การจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ และเพิ่มการจ้างงานคนไทย

“ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปการเพิ่มสัดส่วนของสมาชิกทีมที่เป็นคนไทยมากกว่า 85% เพราะเราตระหนักดีว่าพนักงานคนไทยคือคนที่จะเข้าใจลูกค้าคนไทยดีที่สุดการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

สำหรับ เนต้า วี-ทู ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 45 มีจำหน่าย 2 รุ่นย่อย คือ

  • LITE 549,000 บาท
  • SMART 569,000 บาท

เนต้า ท้าทายครั้งใหญ่  เสริมรถใหม่ ตั้งเป้าขายโต 2 เท่าตัว ​​​​​​​

ซึ่งแต่เดิม เนต้า วี เปิดตลาดราคา 549,000 บาท เท่ากับ เนต้า วี-ทู LITE แต่ราคาล่าสุดมีแคมเปญลดลงมา 50,000 บาท อยู่ที่ 499,000 บาท

เนต้า วี-ทู มีจัดเด่นหลัก เช่น หน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12 นิ้ว 

ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย กุญแจแบบสมาร์ทคีย์พร้อมระบบ Ride & Go รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ 

มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน (Lithium-Ion Battery) ระยะทางการขับขี่สูงสุด 382 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัย ADAS ที่เพิ่มเข้ามา  ได้แก่

  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน 

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุด 3,300 วัตต์