มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค

มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค

สสส. ได้พัฒนาฟังก์ชันใหม่ของแอปพลิเคชัน Persona Health ในการดูแลสุขภาพจิตให้กับประชาชนขึ้น โดยเชื่อมต่อระบบกับแพลตฟอร์ม DMIND สำหรับคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและระบบการให้ความช่วยเหลือ

เคยไหมที่ในบางครั้ง เรากลับมามองดูตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ? หรือแม้แต่คำพูดเรียบๆ อย่างเช่น "เมื่อไหร่จะดีขึ้น" หรือ "ทำไมคนอื่นทำได้ แต่เราทำไม่ได้" แค่ข้อความธรรมดา แต่กลายเป็นบาดแผลเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หากกำลังกัดกร่อนความรู้สึกและพลังชีวิตของผู้คนในสังคมยุคปัจจุบันอย่างเงียบๆ 

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "เศษซากจิตใจที่ถูกทำลาย" หรือ Psychic Debris คือบาดแผลที่สะสมกันอยู่ในใจอย่างเงียบๆ จากคำวิจารณ์ การกดดันจากครอบครัว และความไม่เท่าเทียมที่มองไม่เห็นในชีวิตประจำวัน จนกลายเป็นความเปราะบางที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

วิกฤตสุขภาพจิตของคนไทยในยุคแห่งความเร่งรีบ 

หากย้อนกลับไปดูสถานการณ์สุขภาพจิตของคนไทย จะพบว่าสังคมไทยกำลังอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วง จากรายงานล่าสุดพบว่าคนไทยกว่า 13 ล้านคนเคยเผชิญกับปัญหาด้านจิตเวช และมีผู้พยายามฆ่าตัวตายมากถึง 30,000 คนต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เปราะบางที่สุด นั่นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่การรับรู้คุณค่าในตัวเองกำลังก่อตัวขึ้น 

ขณะเดียวกัน ภาวะซึมเศร้า ก็กำลังกลายเป็นโรคทางใจที่แพร่กระจายไม่ต่างจากโรคทางกาย โดยพบมากที่สุดในกลุ่มเยาวชนอายุ 18-24 ปี ซึ่งสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมักจะเริ่มต้นขึ้นในครอบครัว จากการเลี้ยงดูที่มุ่งหวังให้ลูกดีที่สุด แต่สิ่งที่เด็กได้รับกลับไม่ใช่คำชื่นชม แต่เป็นคำที่คอยตอกย้ำว่า "ยังไม่ดีพอ" จนในที่สุด เศษซากทางใจเหล่านั้นก็สะสมจนอาจระเบิดออกมาเป็นการทำร้ายตัวเองหรือการจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค

ท่ามกลางวิกฤตนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ริเริ่มแนวคิดที่ปลอบโยนและสร้างสรรค์ เพื่อปลุกพลังใจให้คนไทยในสังคมที่ต้องเผชิญปัญหาด้านสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่การสร้างภูมิคุ้มกันให้จิตใจผ่านการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งในที่ทำงานและสังคม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการเยียวยา "แผลใจ" และทำให้สังคมของเรากลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง เพราะทุกคนล้วนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามที่จะเติบโตขึ้นได้เมื่อได้รับ "ปุ๋ย" ที่ดีที่สุด นั่นคือการมองเห็นความทุกข์ของผู้อื่นและลุกขึ้นมาช่วยเหลืออย่างแท้จริง

สุขภาวะทางปัญญา "วัคซีนทางจิตใจ" ที่ทุกคนสร้างได้ 

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. ได้กล่าวถึงแนวคิด "สุขภาวะทางปัญญา" (Spiritual Health) ว่าเป็นการสร้าง "วัคซีนทางจิตใจ" ที่จะช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนสมบูรณ์แบบ และไม่ถูกคำวิจารณ์ภายนอกมาทำลายตัวตนที่เราเป็นอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการดูแลตัวเอง คือการเรียนรู้ที่จะ "มองออกไปนอกตัวเอง" มองเห็นความทุกข์ของคนรอบข้างและลงมือช่วยเหลืออย่างไม่หวังผลตอบแทน

"การช่วยเหลือไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป แต่สามารถทำได้ด้วยแรงกาย แรงใจ สติปัญญา หรือแม้แต่คำพูดที่ให้กำลังใจ สิ่งเหล่านี้คือการส่งต่อความดีที่จะสร้างสังคมแห่งความเอื้ออาทรและความยั่งยืนได้จริง" นพ.พงศ์เทพ กล่าว

มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค

แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ "จิตอาสา" ซึ่งจะเป็นหนึ่งในเทรนด์หลักของ Sustrends ปี 2569 โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี เคยกล่าวไว้ว่า "ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีที่จะงอกงามเมื่อถึงเวลา" ซึ่งปุ๋ยที่ดีที่สุดคือการมองเห็นความทุกข์ของผู้อื่น และลุกขึ้นมาช่วยเหลือ ไม่ใช่เพียงการโทษหรือถามหาคนผิด แต่เป็นการลงมือทำเพื่อให้สังคมและประเทศก้าวไปข้างหน้า

ล่าสุดจากความตระหนักถึงวิกฤตสุขภาพใจคนในสังคม สสส. จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนาหลากหลายนวัตกรรมที่จับต้องได้ เพื่อเป็นทางออก ทางเลือก หรือพื้นที่ปลอดภัยในวันที่ใครหลายคนอาจกำลังเหนื่อยล้า จากแนวคิดที่เป็นนามธรรม สสส. ได้เปลี่ยนให้เป็นนวัตกรรมที่จับต้องได้และเข้าถึงได้จริง เพื่อตอบโจทย์ปัญหาทางสุขภาพจิตที่ซับซ้อนในสังคมปัจจุบัน

มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค

DMIND แพลตฟอร์มดูแลใจ คัดกรองซึมเศร้า

จากสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย พบว่ามีผู้ที่ประสบปัญหาภาวะซึมเศร้ามากขึ้นและมีช่วงอายุน้อยลง รวมทั้งจากสถิติผู้เข้าใช้บริการแอปพลิเคชัน Persona Health ที่ผ่านมา พบว่า อันดับต้นๆ ของประเด็นองค์ความรู้ที่ผู้ใช้บริการสนใจทำแบบประเมินและอ่านข้อมูลสื่อมาก คือ ด้านสุขภาพจิต ทำให้ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. พัฒนาฟังก์ชันใหม่ของแอปพลิเคชัน Persona Health ในการดูแลสุขภาพจิตให้กับประชาชนขึ้น โดยเชื่อมต่อระบบกับแพลตฟอร์ม DMIND สำหรับคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและระบบการให้ความช่วยเหลือ

โดยแพลตฟอร์ม DMIND เป็นผลจากการดำเนินงานของสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. ที่ร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลสุขภาพจิตอย่างรอบด้าน ผู้ใช้บริการสามารถเข้ารับการประเมินและคัดกรองภาวะซึมเศร้าและความเครียด ผ่านระบบอัจฉริยะ (AI) ที่มีมาตรฐาน พร้อมทั้งเชื่อมต่อไปสู่บริการการบำบัดและให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต การให้บริการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนผู้เข้าใช้บริการแอปพลิเคชัน Persona Health สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพจิตได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตั้งแต่การตรวจประเมินเบื้องต้น จนถึงการได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม โดยครอบคลุมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยงระดับน้อย ปานกลาง และรุนแรง เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง

มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค

"นักรับฟัง" นวัตกรรมปฐมพยาบาลใจ

หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นและแสดงให้เห็นถึงการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสคือโครงการ "นักรับฟัง พลังพิเศษ" (Gifted Listener) ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายที่ลึกซึ้งและอบอุ่น นั่นคือการฝึกอบรมให้ "คนพิการ 500 คน" เป็น "นักปฐมพยาบาลจิตใจ" เพื่อช่วยดูแลสุขภาพจิตเบื้องต้นให้แก่ผู้คนในสังคม โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิต แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับคนพิการ ทำให้พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหลักสูตรอาสาสมัครปฐมพยาบาลทางใจ (Mind First Aid) นี้ถูกออกแบบตามโมเดล 4S ได้แก่ Support (การเข้าใจระบบสนับสนุน), Sense (การรับรู้และเข้าใจผู้อื่น), Summarize (การส่งต่อความช่วยเหลือ) และ Self-care (การดูแลใจตนเอง) เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะการรับฟังอย่างไม่ตัดสิน และสามารถให้คำปรึกษาเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะดูแลสุขภาพจิตของผู้คนในองค์กรต่างๆ ได้ถึง 50,000 คน และให้บริการรับฟังแก่ประชาชนทั่วไปได้มากถึง 100,000 คน

MU-ZeroGBV แอปฯ องค์กรปลอดภัยไร้คุกคาม

แต่แผลใจไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในชีวิตส่วนตัวเท่านั้น ปัญหาในที่ทำงาน โดยเฉพาะเรื่องความรุนแรงบนฐานเพศและการคุกคามทางเพศ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนสุขภาพจิตและบั่นทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากการสำรวจของ สสส. และมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าพนักงานเอกชนถึง 44.4% เคยถูกคุกคามทางเพศ และในกลุ่มหลากหลายทางเพศนั้นตัวเลขยิ่งน่าเป็นห่วง พุ่งสูงถึง 60.2% โดยพฤติกรรมที่พบบ่อยได้แก่ การล้อเลียนรูปร่างหน้าตา การแซว การหยอกล้อในเรื่องเพศ รวมถึงการถูกลูบคลำ แม้จะมีกฎหมายคุ้มครอง แต่หลายองค์กรยังขาดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ทำให้ปัญหาเหล่านี้ถูกละเลยจนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ สสส. และสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกันพัฒนา E-learning Application: MU-ZeroGBV in Workplace ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่เปรียบเสมือนป้อมปราการแห่งความปลอดภัยในที่ทำงาน แอปพลิเคชันนี้มีเนื้อหาครอบคลุม 9 โมดูลสำคัญ ตั้งแต่ความรู้ด้านสิทธิและกฎหมาย การรับมือเมื่อเกิดเหตุ การสร้างวัฒนธรรมการยอมรับฟังความยินยอม ไปจนถึงบทบาทของผู้บริหารและฝ่าย HR ในการป้องกันและจัดการปัญหา

รศ.ดร.สุชาดา ทวีสิทธิ์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า แอปพลิเคชันนี้มีจุดเด่นที่การมีระบบสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งวิดีโอ อินโฟกราฟิก และกรณีศึกษา พร้อมฟังก์ชันที่ช่วยให้พนักงานสามารถประเมินความเสี่ยง แจ้งเรื่องร้องทุกข์ และเข้าถึงหน่วยงานช่วยเหลือภายนอกได้โดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้มุ่งหวังให้สถานประกอบการเอกชนอย่างน้อย 200 แห่งนำระบบไปใช้จริง เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพซึ่งกันและกัน และทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกปลอดภัยได้อย่างแท้จริง

"จุดเด่นของแอปพลิเคชันคือการมีระบบสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น วิดีโอ อินโฟกราฟิก แบบฝึกหัด กรณีศึกษา แบบทดสอบท้ายบท พร้อมระบบประเมินผลอัตโนมัติ และออกใบวุฒิบัตรออนไลน์ให้ทันทีสำหรับผู้เรียนที่ผ่านเกณฑ์ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำแบบประเมินความเสี่ยงส่วนบุคคล แจ้งร้องทุกข์ผ่านช่องทางออนไลน์ และเข้าถึงข้อมูลหน่วยงานสนับสนุนภายนอกได้โดยตรงทั้งบนโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป้าหมายของโครงการมุ่งหวังให้สถานประกอบการภาคเอกชนอย่างน้อย 200 แห่ง นำระบบ E-learning ไปใช้จริง และต่อยอดสู่การจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติที่เป็นธรรมภายในองค์กรต่อไป" รศ.ดร.สุชาดา กล่าว

ท้ายที่สุดแล้ว การเยียวยาแผลใจของคนในสังคมและสร้างภูมิคุ้มใจที่เข้มแข็ง อาจไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือการลงมือทำร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งในระดับปัจเจกชนที่เริ่มจากการ "มองออกไป" ไปจนถึงระดับองค์กรและนโยบายที่สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเติบโตของจิตใจของทุกคนไปพร้อมกัน มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค มารู้จักกับ 3 นวัตกรรมสำหรับการดูแลใจ ในวันที่ไม่โอเค