ขัดแย้งซาอุดีอาระเบียหนัก ยูเออีประกาศถอนกำลังออกจากเยเมน

ขัดแย้งซาอุดีอาระเบียหนัก ยูเออีประกาศถอนกำลังออกจากเยเมน

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แถลงถอนกองกำลังออกจากเยเมน หลังซาอุดีอาระเบียสนับสนุนเสียงเรียกร้องให้ออกไปภายใน 24 ชั่วโมง สะท้อนวิกฤติร้าวลึกระหว่างสองมหาอำนาจอ่าวเปอร์เซีย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน กระทรวงกลาโหมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศเมื่อวันอังคาร (29 ธ.ค.) ว่า สมัครใจยุติภารกิจของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายในเยเมน กองกำลังเดียวที่ยังเหลืออยู่หลังจากกระทรวงยุติการส่งทหารเข้าไปในเยเมนในปี 2019 โดยภารกิจที่เหลืออยู่มีแค่ “เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะส่วนหนึ่งของความพยายามต่อต้านการก่อการร้ายเท่านั้น ด้วยการประสานงานกับพันธมิตรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง” แต่พัฒนาการที่เกิดขึ้นล่าสุดทำให้ต้องประเมินสถานการณ์อย่างครอบคลุม

ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง กองกำลังพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบียได้โจมตีทางอากาศท่าเรือมูกัลลา ทางตอนใต้ของเยเมน โดยให้เหตุผลว่ามีการขนส่งอาวุธเชื่อมโยงกับยูเออี ซึ่งการโจมตีครั้งนี้นับเป็นการยกระดับความขัดแย้งสูงสุดระหว่างสองมหาอำนาจอ่าวเปอร์เซีย

ที่กรุงวอชิงตัน นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีและยูเออีถึงความตึงเครียดในเยเมนและประเด็นอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในตะวันออกกลาง

ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในอ่าวเปอร์เซีย เช่น คูเวตและบาห์เรน กล่าวว่า พวกเขาสนับสนุนความพยายามเสริมสร้างการสนทนาให้บรรลุข้อตกลงทางการเมือง กาตาร์กล่าวว่าความมั่นคงของซาอุดีอาระเบียและประเทศอื่นๆ ในอ่าวเปอร์เซีย “เป็นส่วนที่แยกไม่ออก” จากความมั่นคงของประเทศตน

ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียและยูเออี สองมหาอำนาจอ่าวเปอร์เซีย เคยเป็นสองเสาหลักด้านความมั่นคงของภูมิภาค แต่กลับมีผลประโยชน์แตกต่างกันในทุกเรื่องตั้งแต่โควตาน้ำมันไปจนถึงอิทธิพลด้านภูมิรัฐศาสตร์

เปิดข้อกล่าวหาซาอุดีฯ ต่อยูเออี

ซาอุดีอาระเบียกล่าวหาว่า ยูเออีกำลังกดดันสภาเปลี่ยนผ่านภาคใต้ (เอสทีซี) กลุ่มแบกแยกดินแดนของเยเมนให้รุกคืบลงไปใกล้ชายแดนของตน ซาอุดีจึงประกาศว่า ความมั่นคงแห่งชาติถือเป็น “เส้นแดง” ที่ห้ามล้ำ

นี่ถือเป็นถ้อยคำรุนแรงที่สุดที่รัฐบาลริยาดเคยใช้นับตั้งแต่สองเพื่อนบ้านขัดแย้งกัน ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายเคยร่วมมือกันในแนวร่วมต่อต้านกบฏฮูตีของเยเมนที่มีอิหร่านหนุนหลัง แต่ผลประโยชน์กลับขัดแย้งกันเรื่อยๆ

การที่ยูเออีถอนกองกำลังจำนวนหนึ่งที่ยังคงไว้ในเยเมนออกไปอาจบรรเทาความตึงเครียดลงได้บ้างในขณะนี้ แต่ยังมีคำถามว่า ยูเออีจะยังคงสนับสนุนเอสทีซีอยู่หรือไม่

สำหรับริยาดนั้นยังคงเดินหน้าผ่านแนวร่วมที่ตนเองเป็นผู้นำสนับสนุนรัฐบาลเยเมนที่นานาชาติยอมรับอย่างต่อเนื่อง คณะรัฐมนตรีของซาอุดีหวังว่า ยูเออีจะยุติความช่วยเหลือทางการเงินหรือทางทหารทั้งหมดที่มีให้กับเอสทีซี

  • ขนส่งอะไรกันแน่

สำหรับการโจมตีทางอากาศ กองกำลังพันธมิตรกล่าวว่า เป็นการทิ้งระเบิดท่าเรือที่ทหารต่างชาติสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน การขนส่งสินค้าที่เดินทางจากยูเออีมายังท่าเรือมุกัลลาทางตอนใต้ของเยเมนนั้น มีตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุอาวุธและกระสุนซึ่งกองกำลังพันธมิตรได้ข้อมูลมาว่า อาวุธดังกล่าวจะถูกขนส่งและแจกจ่ายไปยังหลายพื้นที่ในจังหวัดฮาดราเมาต์ของเยเมน

นายราชัด อัล อาลีมี ประธานสภาประธานาธิบดีที่ซาอุดีหนุนหลัง ยื่นคำขาดให้กองกำลังยูเออีออกไปภายใน 24 ชั่วโมง

ตามรายงานข่าวของสำนักข่าวทางการเยเมน นายอาลีมีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์

“ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัดแล้วว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กดดันและสั่งการให้ เอสทีซีใช้การยกระดับความขัดแย้งทางทหารบ่อนทำลายและก่อกบฏต่อต้านอำนาจรัฐ”

ด้านยูเออีกล่าวว่า ประหลาดใจกับการโจมตีทางอากาศ การขนส่งที่สงสัยกันนั้นไม่ใช่การขนส่งอาวุธและปลายทางอยู่ที่กองกำลังยูเออี แต่ยูเออีจะพยายามหาทางออก “ที่ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ตามข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้และการประสานงานที่มีอยู่”

ทั้งซาอุดีอาระเบียและยูเออีต่างเป็นผู้เล่นสำคัญในโอเปค กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และความขัดแย้งใดๆ ระหว่างทั้งคู่ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจผลิตน้ำมัน

ในวันอาทิตย์ (4 ม.ค.) ซาอุดี, ยูเออี และอีกหกสมาชิกโอเปคพลัสมีกำหนดประชุมออนไลน์ ตัวแทนโอเปคพลัสกล่าวว่า พวกเขาจะขยายนโยบายคงระดับการผลิตในไตรมาสแรกไว้เท่าเดิม

ด้านดัชนีหุ้นหลักของอ่าวเปอร์เซียร่วงลงผลจากสถานการณ์

  • ชนวนเหตุความขัดแย้ง

ยูเออีเคยเป็นสมาชิกกองกำลังพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบียต่อสู้กับขบวนการฮูตีตั้งแต่ปี 2015 ในปี 2019 เริ่มลดกำลังทหารลงแต่ยังยึดมั่นกับรัฐบาลเยเมนที่ซาอุดีหนุนหลัง

ต่อมาเอสทีซีตัดสินใจหาทางปกครองตนเองทางภาคใต้ของเยมน และเดือนนี้เปิดการสู้รบกับทหารเยเมนที่ซาอุดีสนับสนุน

การรุกคืบได้ผ่าทางตันที่ยืดเยื้อมานานหลายปี เอสทีซีไม่สนใจคำเตือนของซาอุดีอาระเบีย ควบคุมพื้นที่ในภาคใต้ได้เป็นวงกว้าง รวมถึงจังหวัดฮาดราเมาต์

กองกำลังพันธมิตรกล่าวด้วยว่า ก่อนโจมตีทางอากาศในวันอังคาร ช่วงสุดสัปดาห์มีเรือสองลำออกจากท่าเรือฟูไจราห์ของยูเอเอีในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกองกำลังพันธมิตร

สำนักข่าวทางการซาอุดีเผยแพร่คลิปวีดีโอ เรือลำหนึ่งถูกระบุว่าชื่อเรือ “กรีนแลนด์”มีการขนถ่ายอาวุธและยานสู้รบออกจากเรือลำนี้ ซึ่งจดทะเบียนเป็นเรือขนส่งสินค้าของบริษัทซาเลม อัล มาครานี คาร์โก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ดูไบ และมีสาขาที่ฟูไจราห์

รอยเตอร์ยังไม่สามารถติดต่อขอความเห็นจากบริษัทซาเลม อัล มาครานี คาร์โกได้

  • ไม่มีผู้เสียชีวิต

กองกำลังพันธมิตรเผยว่า การโจมตีทางอากาศเมื่อวันอังคารไม่มีผู้เสียชีวิตหรือความเสียหายใหญ่ แหล่งข่าวสองรายเผยกับรอยเตอร์ว่า เป้าหมายอยู่ที่ท่าเรือที่มีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือ

สำนักข่าวรอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบได้ในทันทีว่าอะไรถูกโจมตี หรือลักษณะและที่มาของสินค้าที่อาจถูกโจมตีเป็นอย่างไร

สถานีโทรทัศน์ทางการเยเมน เผยแพร่ภาพควันดำพวยพุ่งออกจากท่าเรือเมื่อเช้าตรู่พร้อมกับภาพรถยนต์ที่ถูกเผาไหม้ นายอาลีมีประกาศเขตห้ามบิน และห้ามเข้าออกทั้งทางทะเลและทางบกทุกท่าเรือและจุดข้ามแดนเป็นเวลา 72 ชั่วโมง

นายไอดารูส อัล-ซูไบดี หัวหน้าเอสทีซีและรองประธานสภาประธานาธิบดี กล่าวในแถลงการณ์ร่วมกับสมาชิกอีกสามคนของสภาว่า ยูเออียังคงเป็นพันธมิตรหลักในการต่อสู้กับกลุ่มฮูตี และปฏิเสธคำสั่งของนายอาลีมีกล่าวว่าคำสั่งเหล่านั้นไม่ได้รับฉันทามติ