'สหรัฐ' ประกาศสร้าง 'USS Defiant' เรือรบรุ่นทรัมป์ ขนาดใหญ่สุดนับตั้งแต่ WWII

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสร้างเรือประจัญบาน 'USS Defiant' รุ่นทรัมป์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ชี้ "ใช้ต่อต้านได้ทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่จีน"
หัวใจสำคัญในการปรับปรุงกองทัพเรือของรัฐบาลสหรัฐคือ การสร้างเรือประจัญบานของอเมริกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม และจอห์น ฟีแลน รัฐมนตรีว่าการทบวงทหารเรือสหรัฐ เปิดเผยในวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ว่า กองทัพเรือสหรัฐเตรียมสั่งซื้อเรือประจัญบานใหม่สองลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างกองเรือทอง (Golden Fleet)
ทรัมป์กล่าวว่า กองทัพเรือจะเริ่มจัดซื้อเรือสองลำก่อน และระยะต่อมาจะซื้อ 10 ลำ และมีเป้าหมายซื้อเรือชั้นนี้ 20-25 ลำ ซึ่งมีแผนเริ่มสร้างภายในปี 2030
“กองทัพเรือจะเป็นผู้นำด้านการออกแบบร่วมกับผม เพราะผมเป็นคนที่มีสุนทรียศาสตร์มาก” ทรัมป์กล่าว
ด้านฟีแลนบอกว่า “เรือรบชั้นทรัมป์ในอนาคตอย่าง USS Defiant จะเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุด อันตรายที่สุด ใช้งานได้หลากหลายที่สุด และสวยงามที่สุดในมหาสมุทรทั่วโลก” และว่าจะเกิดการสร้างงานในอู่ต่อเรือทุกแห่ง ตั้งแต่ฟิลาเดลเฟีย ไปจนถึงซานดิเอโก, ตั้งแต่รัฐเมนไปจนถึงรัฐมิสซิสซิปปี, ตั้งแต่เกรทเลกส์ไปจนถึงอ่าวเม็กซิโก และสำหรับการผลิตชิ้นส่วนเรือลำนี้จะเกิดขึ้นในทุกรัฐ
ข้อมูลของกองทัพเรือที่ USNI News ได้เห็น ระบุว่า เรือรบลำใหม่อาจมีน้ำหนักมากกว่า 35,000 ตัน และมีความยาว 840-880 ฟุต กว้าง 105-115 ฟุต ความลึกน้ำที่ 24-30 ฟุต และทำความเร็วได้เกิน 30 นอต ซึ่งถือว่าใหญ่กว่า “เรือพิฆาตชั้น Zumwalt ที่หนัก 15,000 ตัน" มากกว่า 2 เท่า ซึ่งปัจจุบันเรือพิฆาตชั้น Zumwalt เป็นเรือรบเหนือผิวน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในของกองทัพเรือ
เมื่อถามว่าเรือรบใหม่นี้ไว้ใช้ต่อต้านจีนหรือไม่
ทรัมป์ตอบว่า “มันใช้ต่อต้านทุกคน ไม่ใช่แค่จีน”
USS Defiant แทนที่โครงการ DDG(X)
ทั้งนี้ เรือรบลำใหม่จะมาแทนที่โครงการ DDG รุ่นต่อไปของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นโครงการสร้างเรือที่มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของเรือรบที่เสนอสร้างล่าสุด และเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2022
การก่อสร้างเรือ USS Defiant มีกำหนดเริ่มสร้างต้นทศวรรษ 2030 โดยกองทัพเรือจะเป็นผู้นำในการออกแบบ
เรือรบรุ่นใหม่นี้จะติดตั้งระบบรบและอาวุธที่มีอยู่แล้วในเรือพิฆาตขีปนาวุธนำวิถี Arleigh Burke DDG-51 รุ่น Flight III เช่นเดียวกับที่เคยเตรียมสร้างในโครงการ DDG(X)
แหล่งข่าวเผยกับ USNI News ด้วยว่าเรือรบรุ่นใหม่จะติดตั้งเรดาร์ค้นหาทางอากาศ AN/SPY-6, ระบบยิงแนวดิ่งแบบ MK-41 ขนาด128 เซลล์, ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยไกล Conventional Prompt Strike จำนวน 12 ลูก และปืนขนาด 5 นิ้ว
ข้อมูลของกองทัพเรือระบุว่า การออกแบบยังได้เผื่อพื้นที่ไว้ติดตั้งอาวุธเพิ่มเติม รวมถึงอาวุธพลังงานแบบกำกับทิศทาง, ขีปนาวุธร่อนติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ยิงจากทะเล และอาจรวมถึงปืนรางพลังงาน 32 เมกะจูลด้วย และอาจใช้กังหันก๊าซและเครื่องยนต์ดีเซลในการขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าเพื่อจ่ายพลังงานให้กับระบบอาวุธและเซ็นเซอร์ของเรือ
เรือลำนี้คาดว่าจะมีลานบินและโรงเก็บเครื่องบินที่สามารถรองรับเครื่องบินรบปีก tilt-rotor รุ่น V-22 Osprey และเครื่องบินขึ้นลงแนวดิ่งรุ่นต่อไปในอนาคตได้
ข้อมูลของทัพเรือระบุว่า เรือรบนี้จะสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระ ในฐานะส่วนหนึ่งของกองเรือบรรทุกเครื่องบิน หรือเป็นผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการทางทะเล ขึ้นอยู่กับภารกิจและสภาพแวดล้อมของภัยคุกคาม และด้วยความสามารถในการบัญชาการและการควบคุมจากส่วนหน้าทั้งแบบที่มีคนควบคุมและไร้คนควบคุม เรือรบนี้จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินการตามแนวทางการรบของกองทัพเรือ
สหรัฐปรับแผนจัดซื้อเรือครั้งใหญ่
การประกาศสร้างเรือ USS Defiant ดังกล่าวมีขึ้นขณะที่รัฐบาลทรัมป์กำลังปรับปรุงแผนจัดซื้อกองเรือเหนือผิวน้ำของกองทัพเรือครั้งใหญ่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฟีแลนและพลเรือเอก ดาริล คอดเดิล ผู้บัญชาการกองทัพเรือ เผยว่า กองทัพเตรียมซื้อเรือฟริเกต โดยอิงรูปแบบมาจากโครงการเรือตรวจการณ์ความมั่นคงแห่งชาติ ชั้นลีเจนท์ ของหน่วยยามฝั่งสหรัฐ ที่สร้างโดยบริษัท Ingalls Shipbuilding ของ HII
การตัดสินใจซื้อเรือฟริเกตเกิดขึ้นหลังจากที่ฟีแลนยุติการผลิตเรือฟริเกตชั้น Constellation เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากโครงการดังกล่าวประสบปัญหาล่าช้าอย่างต่อเนื่อง เพราะมีความท้าทายด้านการออกแบบและกำลังคน
กองทัพเรือจึงสำรวจทางเลือกในการสร้างเรือขนาดอื่นๆ รวมถึงเรือขนาด 50,000 ตัน ก่อนจะตัดสินใจสร้างเรือขนาดราว 30,000 ตัน ส่วนทางเลือกอื่นๆ ก็มีการสร้างเรือเล็ก ขนาดราว 15,000-20,000 ตัน
ไบรอัน คลาร์ก นักวิเคราะห์ ให้สัมภาษณ์กับ USNI News เคยเผยก่อนหน้านี้ว่า กองทัพเรือสหรัฐกำลังพิจารณาซื้อเรือขนาดใหญ่ ราว 12-13 ลำ ที่สามารถบรรทุกขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ท่อส่งขีปนาวุธขนาดใหญ่พิเศษ นอกเหนือจากระบบยิงขีปนาวุธแนวดิ่ง MK-41 VLS
ส่วนเรือพิฆาตชั้น Zumwalt ทั้งสามลำที่มีในปัจจุบัน มีระบบโจมตี Conventional Prompt Strike ซึ่งติดตั้งโดยบริษัท Ingalls Shipbuilding
ทั้งนี้ ตามที่ USNI News เข้าใจ เรือรบรุ่นใหม่อย่าง Defiant อาจใช้งบประมาณราว 10,000-15,000 ล้านดอลลาร์ เมื่ออิงตามขนาดและระบบที่ติดตั้ง
อู่ต่อเรือเจ้าประจำพร้อมรับข้อเสนอ
ก่อนหน้านี้ กองทัพเรือทำงานร่วมกับบริษัท Ingalls Shipbuilding ของ HII ในปาสคาโกลา รัฐมิสซิสซิปปี และ General Dynamics Bath Iron Works ในรัฐเมน ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นธุรกิจผลิตเรือรบเหนือผิวน้ำ และตอนนี้สองบริษัทเผยว่า พวกเขากำลังรอสนับสนุนความพยายามใหม่ของกองทัพเรือสหรัฐ
ชาลส์ ครูกส์ ประธานบริษัท Bath Iron Works ชี้แจงกับ USNI News ว่า บริษัทเตรียมพร้อมสนับสนุนกองทัพเรือในการออกแบบและการก่อสร้างในโครงการต่อเรือสำคัญรุ่นใหม่อย่างเต็มที่
คริส แคสต์เนอร์ ซีอีโอของ HII เผยกับ USNI News
“พวกเราเข้าใจความฉุกเฉิน และได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อเพิ่มความเร็วในการส่งมอบ เราได้เห็นการพัฒนาในด้านแรงงานและการผลิต และคาดว่าสิ่งเหล่านี้จะดำเนินการต่อในปี 2026 ความพยายามเหล่านี้รวมกับเครือข่ายต่อเรือแบบกระจายศูนย์ของเรากำลังได้ผล และเกิดการสร้างขีดความสามารถเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่สำคัญเหล่านี้”
เมื่อถามว่าสหรัฐจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามีแรงงานเพียงพอต่อการต่อเรือ ทรัมป์ตอบว่า “อุตสาหกรรมต่อเรือจะใช้หุ่นยนต์”
สหรัฐห่างหายจากการสร้างเรือรบใหญ่มานานแล้ว
USNI News รายงานว่า ฐานอุตสาหกรรมต่อเรือของสหรัฐไม่ได้ส่งมอบเรือรบขนาดใหญ่ให้กองทัพเรือมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 1944 ที่มีการส่งมอบเรือ USS Missouri (BB-63) ขนาด 60,000 ตันให้กับกองทัพเรือ และต่อมาเรือมิสซูรีก็กลายเป็นสถานที่ที่ญี่ปุ่นลงนามยอมจำนนอย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนเรือรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่อย่าง USS Long Beach (CGN-9) ที่ปฏิบัติการตั้งแต่ปี 1961-1995 สามารถรองรับน้ำหนักได้เต็มที่เพียง 17,000 ตัน
ปัจจุบันเรือพิฆาตชั้น Zumwalt ขนาด 15,000 ตัน ถือเป็นเรือรบเหนือผิวน้ำที่ใหญ่ที่สุดที่กองทัพเรือสหรัฐ
กองทัพเรือเคยเสนอสร้างเรือติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี CG(X) ขนาด 20,000 ตันมาก่อนแล้ว แต่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามายกเลิกโครงการดังกล่าวในปี 2010 เพราะเหตุผลด้านต้นทุนและระยะเวลา กองทัพเรือจังเลือกสร้างเรือ Flight IIIArleigh Burkes แทน
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่กองทัพเรือสหรัฐประสบปัญหาในการเดินหน้าโครงการเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี DDG(X) รุ่นถัดจากเรือ Arleigh Burke โดยกำหนดการจัดซื้อและก่อสร้าง DDG(X) ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง เนื่องจากกองทัพเรือมีค่าใช้จ่ายก่อสร้างเรือจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ เช่น เรือดำน้ำโจมตีรุ่นใหม่ และเครื่องบินขับไล่รุ่นที่หก







