คะแนนนิยมนายกฯ ญี่ปุ่นแกร่ง แม้ข้อพิพาทจีนรุนแรงขึ้น

ผลโพลหลายสำนักทำเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คะแนนนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่นแข็งแกร่งในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งสัญญาณว่าเธอยังเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องแม้มีข้อพิพาทกับจีนปมแสดงความเห็นเรื่องไต้หวันเมื่อเดือนก่อน
เว็บไซต์นิกเคอิเอเชียรายงาน ผลสำรวจความคิดเห็นจัดทำเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ผู้ให้ข้อมูลราว 70% สนับสนุนรัฐบาลทาคาอิจิ โพลของหนังสือพิมพ์นิกเคอิระบุความนิยมของเธออยู่ที่ 75%, โยมิอุริ 73% สำนักข่าวเกียวโด67.5%, อาซาฮี 68%, ไมนิจิ 67% และเอฟเอ็นเอ็นโพล 75.9%
ตามรายงานของโยมิอุริ เรตติงของทาคาอิจิสุงสุดในบรรดานายกฯ ญี่ปุ่นในรอบ 20 ปีโดยประมาณ ย้อนไปถึงสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซุมิ
ผลโพลสอดรับกับเทรนด์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทาคาอิจิขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค. ในช่วงที่พรรคร่วมรัฐบาลกำลังอ่อนแรงพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.หลายครั้ง
นับจากนั้นแนวร่วมที่เคยจับมือกันยาวนานระหว่างพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) กับพรรคโคเมโตะต้องพังลง แอลดีพีไปตั้งพันธมิตรใหม่กับพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น รวมทั้งได้ ส.ส.อิสระจำนวนหนึ่งมาหนุนให้เธอได้เสียงข้างมากในสภาอย่างเฉียดฉิว แถมเธอยังผ่านร่างงบประมาณเพิ่มเติมได้ด้วยความช่วยเหลือของพรรคฝ่ายค้านจำนวนหนึ่ง
งบประมาณเพิ่มเติมนี้ใช้สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงเงินจำนวน 8.9 ล้านล้านเยนที่มุ่งช่วยเหลือครัวเรือนรับมือกับภาวะเงินเฟ้อโดยเฉพาะ อันเป็นนโยบายสำคัญลำดับต้นๆ หลังจากความไม่พอใจต่อค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้พรรคแอลดีพีต้องแพ้เลือกตั้งหลายครั้ง มาตรการดังกล่าว เช่นคูปองข้าว เงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าและก๊าซ และการลดภาษีน้ำมันเบนซิน
เงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นที่โหวตเตอร์ให้ความสำคัญสูงสุด ผู้ให้ข้อมูลในการสำรวจของนิกเคอิครึ่งหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาอยากเห็นมาตรการรับมือเงินเฟ้อจากนายกฯ มากที่สุด รองลงมาคือมาตรการกลาโหมและการทูต 31% ตามด้วยเงินบำนาญ 29%
ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) ชี้ว่า ในเดือน พ.ย. อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่หรือสูงกว่า 2% อันเป็นเป้าหมายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เป็นเดือนที่ 44 ติดต่อกัน
ขณะที่ต้องจัดการปัญหาในประเทศ ทาคาอิจิยังต้องเจอข้อพิพาทกับจีนไปพร้อมๆ กัน หลังจากเธอกล่าวว่า การรุกรานไต้หวันของจีนอาจเป็น “ภัยคุกคามการอยู่รอด” ซึ่งถือเป็นเหตุผลทางกฎหมายที่ญี่ปุ่นสามารถส่งกองกำลังไปช่วยเหลือประเทศอื่นในกรณีฉุกเฉินได้
จีนต้องการให้ทาคาอิจิถอนคำพูด แต่เธอไม่ยอมทำตามกล่าวเพียงว่า นโยบายไต้หวันของญี่ปุ่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
นับจากนั้นรัฐบาลปักกิ่งก็เล่นงานโตเกียว ข่มขู่ทั้งเศรษฐกิจและการทูตด้วยการแจ้งเตือนพลเมืองไม่ให้เดินทางไปญี่ปุ่นและทำหนังสือร้องเรียนไปถึงสหประชาชาติ โตเกียวก็กล่าวหาว่า เครื่องบินรบจีนฝึกล็อกเป้าเรดาร์ไปที่เครื่องบินรบญี่ปุ่นอย่างน้อยหนึ่งลำ
ในประเด็นนี้ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่สนับสนุนท่าทีของทาคาอิจิต่อจีน ในโพลของอาซาฮี ประชาชน 55% เห็นด้วยกับจุดยืนของเธอ อีก 30% ไม่เห็นด้วย ในเกียวโดโพล ผู้ให้ข้อมูล 57% ไม่คิดว่าทาคาอิจิแสดงความเห็นออกไปอย่างประมาทเลินเล่อ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสาธารณชนเห็นต่างเรื่องผลกระทบจากความขัดแย้งนี้ นิกเคอิโพลชี้ว่า 46% กังวลเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่ความสัมพันธ์ระหว่างโตเกียวกับปักกิ่งเสื่อมถอย ขณะที่ 48% กล่าวว่าไม่กังวล ส่วนผลสำรวจของอาซาฮี พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 53% มีความกังวลอย่างน้อยในระดับหนึ่งเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ขณะที่ผลสำรวจของเกียวโดพบความกังวลดังกล่าวที่ 59.9%
ในช่วงสุดสัปดาห์ อิสึโนริ โอโนเดระ ผู้นำการวิจัยด้านความมั่นคงของพรรคแอลดีพีกล่าวว่าญี่ปุ่นไม่ควรหลีกเลี่ยงการหารือเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมๆ กับเน้นย้ำว่าญี่ปุ่นอยู่ภายใต้ร่มเงานิวเคลียร์ของสหรัฐ
ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ก่อนเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของรัฐบาล แสดงความเห็นส่วนตัวว่าญี่ปุ่นควรมีอาวุธนิวเคลียร์ และว่ารัฐบาลยังไม่มีการหารือเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ความเป็นไปได้ในการมีอาวุธประเภทนี้ยังห่างไกลมาก แต่ความเห็นของเขาก็เรียกเสียงตอบโต้จากพรรคฝ่ายค้านและจากจีนด้วย
กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่าสถานการณ์นี้ “ร้ายแรง” หากเป็นความจริงเป็นการเปิดโปงความพยายามของบางคนในญี่ปุ่นที่จะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและครอบครองอาวุธนิวเคลียร์







