กรณีศึกษา 'จีน' VS 'เพื่อนบ้านอันตราย' | กันต์ เอี่ยมอินทรา

กรณีศึกษา จุดแข็งและอาวุธที่จีนใช้สยบปรามประเทศเพื่อนบ้าน "การค้า" คือกุญแจสำคัญ พร้อมกับการมีผู้นำที่พูดจริงทำจริง
หนึ่งในอาวุธที่จีนใช้สยบปรามประเทศเพื่อนบ้านที่มีท่าทีท้าทาย เป็นภัย หรือแม้กระทั่งพูดจาไม่เข้าหู นั่นคือ การค้า
จีนคือหนึ่งในประเทศที่มีกำลังซื้อสูงสุดในโลก ขนาดเศรษฐกิจจะเป็นรองก็เพียงสหรัฐ และปัจจุบันก็ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่าจีนคือตลาดที่ใหญ่ มีกำลังซื้อมาก เพราะมีคนมาก และคนจีนก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากอดีตอย่างมีนัยสำคัญ
นี่คือจุดแข็งสูงสุดที่จีนมี และนี่คือหนึ่งในอาวุธที่จีนใช้จัดการทั้งคู่ค้า และเพื่อนบ้าน
จีนจัดการญี่ปุ่น จากกรณีนายกฯอิชิบะ ผู้นำหญิงคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวถึงกรณีไต้หวัน โดยการยกเลิกการนำเข้าอาหารทะเล ซึ่งแท้จริงแล้วการคว่ำบาตรอาหารทะเลญี่ปุ่นนั้นเป็นมาตรการเดิมที่จีนใช้ตอบโต้ที่ไม่เห็นด้วยจากการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะลงสู่มหาสมุทร ซึ่งการคว่ำบาตรนี้มีมาอย่างยาวนานร่วมสิบปี
จีนยังออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะไปญี่ปุ่น และยกเลิกเที่ยวบินไปญี่ปุ่น คนจีนคือนักท่องเที่ยวอันดับ 2 ของญี่ปุ่น เดินทางเข้าออกปีละเกือบ 7 ล้านคน ดังนั้นจึงคาดว่าจะทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 38,000 ล้านบาทเฉพาะช่วงปีนี้ และอาจกลายเป็น 290,000 ล้านบาทในปีหน้า หากความตึงเครียดยังคงดำเนินอยู่
จีนจัดการเกาหลี เมื่อไม่พอใจกรณีการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่กระทบความมั่นคงต่อจีนโดยตรง โดยการแบน K-pop ตั้งแต่ปี 2016 จีนจำกัดการโปรโมตกระแส K-pop ตลอดจนคอนเสิร์ต จีนคือตลาดอันดับ 3 ของ K-pop รองจากญี่ปุ่นและสหรัฐ
แค่ขนาดตลาดคอนเสิร์ตของจีนอย่างเดียว ก็มีมูลค่ากว่า 265,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่สะดุดในทุกๆ ปี ไม่นับรวมรายได้อื่นๆ อีกมากมายมหาศาล ตั้งแต่ค่าลิขสิทธิ์ ค่าสินค้า ตลอดจนมูลค่าแฝงอย่างการโฆษณาส่งออกทางวัฒนธรรม soft power ทั้งทางตรงและทางอ้อม
จีนจัดการสหรัฐ เพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ โดยการยกเลิกการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐ จีนคือผู้นำเข้าอันดับ 1 และมลรัฐที่มีเกษตรกรถั่วเหลืองอยู่มากนี้ล้วนคือฐานเสียงสำคัญของพรรคลีพับริกัน คือฐานเสียงสำคัญของทรัมป์ เกษตรกรเหล่านี้ได้รับผลกระทบโดยตรง และนี่คือหัวใจของการเอาชนะสงครามการค้ากับสหรัฐในยกแรกได้
จีนยังใช้อีกหนึ่งไม้ตายในการจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ที่ถึงแม้ว่าแร่นี้จะไม่ได้หายากแต่กระบวนการผลิตนั้นยากแสนสาหัส มีผลกระทบอย่างสูงต่อสิ่งแวดล้อม จีนซึ่งมีทั้งเทคโนโลยีและการไร้แรงเสียดทานต่อกระแสต้าน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านสังคม จึงเป็นผู้ผลิตที่แทบจะสามารถเรียกได้ว่าผูกขาดในตลาดนี้ และนี่ก็คืออีกหนึ่งกุญแจในการจะเอาชนะสงครามการค้ากับสหรัฐในยกต่อไป
จีนรู้จุดแข็งและใช้ประโยชน์จากมัน มีกระบวนท่าการตอบโต้ที่หลายหลาย และที่สำคัญที่สุดคือมีผู้นำที่พูดจริงทำจริง ขณะที่ไทยเราตอนนี้ที่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน รู้ทั้งรู้ว่าจุดแข็งของเราคือโลจิสติกส์ จะเดินทางจะขนส่งต้องผ่านเรา น้ำมันก็ต้องผ่านเรา ต้องพึ่งพาตลาดของเรา แต่น่าเสียดายที่เราใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้น้อยมาก







