กต.เปิด 3 เงื่อนไขหยุดยิง กัมพูชาต้องประกาศก่อน!

กระทรวงการต่างประเทศแถลง พัฒนาการล่าสุดในสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เปิดสามเงื่อนไขหยุดยิง ปัดรายงานข่าววอลล์สตรีท ทรัมป์เตรียมใช้ภาษีเล่นงาน
เมื่อเวลา 15.00 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวพัฒนาการล่าสุดสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา โดยกล่าวถึงเงื่อนไขสามประการสำหรับการหยุดยิง คือ
1. ฝ่ายกัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน
2. การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริง และจะต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ฝ่ายกัมพูชาต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจัง และจริงใจ
ทั้งนี้เพราะฝ่ายไทยมีบทเรียนมาแล้วว่า กัมพูชาพูดอย่างทำอย่าง หลายครั้งทำสวนทางกับคำพูด เช่น เมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.68) บอกว่า ประสงค์ให้มีการหยุดยิงแต่กลับดำเนินการทางทหารหนักหน่วงยิ่งขึ้น ยิงจรวด BM-21 แบบไม่เลือกเป้าหมายส่งผลให้พลเรือนไทยเสียชีวิตหนึ่งราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก หากกัมพูชายังประพฤติเช่นนี้ไทยก็ต้องยึดมั่นปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน
โฆษกย้ำว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำอันโหดร้าย และไร้มนุษยธรรมของกัมพูชา ประเทศไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการใช้กำลังต่อพลเรือนโดยทันที เคารพต่อพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และแสดงความรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เพื่อแจ้งข้อห่วงกังวลต่อการละเมิดเหล่านี้แล้ว โดยระบุว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายโจมตีไทยก่อนทำให้ทหาร และพลเรือนไทยเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก สถานพยาบาล และโรงเรียนกว่า 600 แห่งต้องปิดทำการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ไทยขอให้ OHCHR เรียกร้องกัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความรับผิดชอบ และยุติการยั่วยุรวมทั้งการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม และกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไทยปฏิบัติการทางทหารสร้างความเสียหายให้กับโบราณสถาน ไทยมีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายใช้ปราสาทต่างๆ ตามแนวชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร โดยใช้เป็นที่เก็บสะสมอาวุธ และจุดซุ่มโจมตีฝ่ายไทย
นอกจากนี้การระงับการเดินทางผ่านจุดผ่านแดนทางบกของกัมพูชาเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ พลเรือนต้องไม่ถูกปฏิบัติราวกับเป็นคู่ขัดแย้งในสถานการณ์ รมว.ต่างประเทศกำลังทำหนังสือประท้วงกัมพูชาอีกหนึ่งฉบับถึง OHCHR ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศพร้อมอำนวยความสะดวกด้านเอกสารให้คนไทยในกัมพูชาโดยลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ เพื่อยืนยันตัวตนหรือแสดงความประสงค์กลับไทย
ในช่วงตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงรายงานข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า สหรัฐจะใช้มาตรการทางภาษีเล่นงานไทย และกัมพูชานั้น นายนิกรเดช กล่าวว่า ณ จุดนี้รัฐบาลไทยยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆ จากสหรัฐ นอกเหนือไปจากที่ผู้นำได้คุยโทรศัพท์กันเมื่อคืนวันศุกร์ (12 ธ.ค.68) ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งทั้งไทย และสหรัฐเห็นชอบกลับมาเจรจาการค้ากันใหม่
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ไทยพร้อมตั้งแต่กำหนดการเดิมวันที่ 16 ธ.ค.68 และแสดงความจริงใจโดยขอให้เป็นการประชุมจริง ไม่ใช่ออนไลน์ สิ่งที่คาดหวังคือ อย่างน้อยต้องสื่อสารความจริงไปถึงสมาชิกอาเซียน
“ไทยโปร่งใส เราไม่มีอะไรต้องปกปิด อยากให้สมาชิกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่พรมแดน” อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่พร้อม จึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 22 ธ.ค.68
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







