อ่านโพลนิด้าในสายตาบลูมเบิร์กคะแนนนิยมอนุทินลดขณะการเลือกตั้งใกล้เข้ามา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานผลนิด้าโพล คะแนนนิยมนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ลดลงจนยิ่งตามหลังผู้นำฝ่ายค้าน ขณะที่การเลือกตั้งกำลังจะมีขึ้นอีกไม่ถึงสองเดือน
บลูมเบิร์กรายงานผล“การสำรวจ คะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/2568”สำรวจระหว่างวันที่ 4-12 ธ.ค.2568โดยศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เสียงสนับสนุนทั้งของนายอนุทินและนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนลดลงด้วยกันทั้งคู่
ผู้ให้ข้อมูลราว 12.32% สนับสนุนนายกรัฐมนตรีในโพลล่าสุด ขณะที่ 17.2% สนับสนุนนายณัฐพงศ์ เทียบกับโพลประจำไตรมาสสามในเดือน ก.ย. เสียงสนับสนุนนายอนุทินอยู่ที่ 20.44% สนับสนุนนายณัฐพงศ์ 22.8%
จำนวนคนที่ระบุว่า ยังหาคนเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้พุ่งขึ้นเป็น 40.6% จาก 27.28%
บลูมเบิร์กระบุว่า โพลล่าสุดส่วนใหญ่สำรวจหลังประเทศไทยเจอน้ำท่วมใหญ่ในเดือนที่ผ่านมาและก่อนที่นายอนุทินยุบสภาในสัปดาห์ก่อน อีกทั้งนายกฯ ยังมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกัมพูชาขณะการปะทะบริเวณชายแดนปะทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีข้อตกลงหยุดยิงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเป็นคนประสาน
ท่าทีแข็งกร้าวกับกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีไทยเพื่อเจาะกระแสชาตินิยม และจะได้รับการสนับสนุนจากสายอนุรักษนิยม กระนั้น เขาก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงการรับมือน้ำท่วมภาคใต้ของรัฐบาล ที่เสียหายมากที่สุดในรอบหลายสิบปี
นายอนุทินผู้เพิ่งอยู่ในอำนาจได้ราวสามเดือน ยุบสภาในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยของตนถูกโค่นด้วยการลงมติไม่ไว้วางใจตามที่พรรของนายณัฐพงศ์ขู่ไว้ คาดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศวันเลือกตั้งในสัปดาห์นี้
แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยของอนุทินจะมีข้อได้เปรียบจากการเป็นรัฐบาลก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับพรรคประชาชน ที่นำอยู่ในการสำรวจล่าสุดด้วยคะแนนสนับสนุน 25.28% ส่วนพรรคภูมิใจไทยอยู่อันดับที่ 4ด้วยคะแนนสนับสนุน 9.92%
อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมของทั้งสองพรรคลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน และสัดส่วนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าสนับสนุนพรรคใดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 32.36%
ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงทั้งสองพรรคพยายามคว้าคะแนนเสียงให้ได้มากที่สุด เพื่อยุติการมีรัฐบาลเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ อย่างที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2566 ขณะที่เศรษฐกิจไทยตามหลังเพื่อนบ้านทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไตรมาสล่าสุดเศรษฐกิจไทยเติบโตเล็กน้อย 1.2% ท่ามกลางความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเหตุรุนแรงบริเวณชายแดนทำลายความเชื่อมั่น คาดว่า น้ำท่วมรุนแรงทางภาคใต้และภาษีสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตต่อไปอีก
สำหรับพรรคประชาชน บลูมเบิร์กรายงานว่า เป็นพรรคหัวก้าวหน้าสืบทอดมาจากพรรคที่เคยชนะเลือกตั้งในปี 2566 แต่ถูกสกัดไม่ให้มีอำนาจและต่อมาถูกยุบพรรคจากการรณรงค์แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันในประเทศไทย







