กำไรอุตสาหกรรมจีนดิ่งแรงสุด พิษผลิตล้นเกิน-เงินฝืดกดศก.

กำไรภาคอุตสาหกรรมจีนที่ดิ่งลงแรงที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี กลายเป็นสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก ยังไม่พ้นเงาแรงกดดันจากกำลังการผลิตล้นเกิน ภาวะเงินฝืด และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ซบเซา
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนที่ผ่านมา ลดลงในอัตรา “เร็วที่สุด” ในรอบกว่าหนึ่งปี สะท้อนความยากลำบากของจีนในการควบคุมผลกระทบจากปัญหาการผลิตล้นเกินในภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงซบเซา
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ ระบุว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน “ลดลง 13.1%” ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แย่ลงจากเดือนตุลาคมที่ลดลง 5.5%
เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญความยากลำบากในการหาตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว นับตั้งแต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขับเคลื่อนด้วยหนี้ เข้าสู่ภาวะล่มสลาย และกำลังเข้าสู่ปีที่ห้าของวิกฤติ
แม้จีนจะพึ่งพาการส่งออกสินค้าราคาถูกเพื่อพยุงตัวเลขการเติบโตโดยรวม แต่เศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกกลับถูกกดดันจาก “ภาวะเงินฝืด” ความต้องการภายในประเทศที่อ่อนแอ และการลงทุนที่ลดลง โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ติดลบต่อเนื่องมาแล้วเป็นเวลา 3 ปี
เมื่อวันอาทิตย์ กระทรวงการคลังจีนย้ำคำมั่นว่า จะใช้นโยบายการคลังเชิงรุกมากขึ้นในปี 2026 แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับขนาดหรือขอบเขตของการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ
ในแถลงการณ์หลังการประชุมนโยบายเป็นเวลา 2 วัน กระทรวงระบุว่า เพื่อกระตุ้นการบริโภค จะยังคงสนับสนุน “โครงการนำสินค้าเก่ามาแลกซื้อสินค้าใหม่” สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค แม้ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่ถ้อยแถลงดังกล่าวบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการขยายโครงการที่เริ่มในปี 2024 และขยายผลต่อเนื่องในปี 2025
กระทรวงการคลังยังระบุว่า จะเพิ่มงบลงทุนในสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์เรียกว่า “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” ซึ่งหมายถึงการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมผ่านนวัตกรรม และการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง
หลาน ฝออัน รัฐมนตรีคลัง ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนนโยบายการคลังเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน การเติบโตของรายได้ ตลอดจนระบบประกันสังคม การสาธารณสุข และการศึกษา
อวี่ เว่ยหนิง หัวหน้านักสถิติของ NBS กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญ “แรงกดดันจากการปรับโครงสร้าง” ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์การเติบโตแบบเดิมไปสู่รูปแบบใหม่ พร้อมระบุว่าสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศยังเต็มไปด้วยปัจจัยไม่แน่นอนและไม่เสถียรจำนวนมาก
นอกจากนี้ ทางการจีนยังเพิ่มความเข้มข้นในการจัดการกับ “การแข่งขันที่บิดเบี้ยวและรุนแรงเกินจำเป็น” ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุของกำลังการผลิตล้นเกินในบางอุตสาหกรรม และกดดันราคาสินค้าให้ลดลง
ในบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Qiushi ซึ่งเป็นวารสารหลักของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ปัญหาความต้องการภายในประเทศที่ยังไม่เพียงพอ
“การขยายอุปสงค์ภายในประเทศ เกี่ยวข้องทั้งกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่มาตรการเฉพาะหน้า แต่เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว” สี จิ้นผิง กล่าว
เขายังย้ำให้หน่วยงานรัฐและภาคธุรกิจ มีวินัยในการลงทุนมากขึ้น หลังเคยวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาการลงทุนเกินตัวในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งนำไปสู่สงครามราคาอย่างรุนแรง และการปฏิบัติต่อซัพพลายเออร์อย่างไม่เป็นธรรม
อ้างอิง: ft







