Google ดึง ‘อดีตพนักงาน’ คืนถิ่น สร้างพลังบี้ OpenAI ลูกจ้าง Boomerang พุ่ง 20%

Google ดึง ‘อดีตพนักงาน’ คืนถิ่น สร้างพลังบี้ OpenAI ลูกจ้าง Boomerang พุ่ง 20%

เมื่อสงครามแย่งชิงสมอง AI ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ Google เลือกใช้กลยุทธ์ที่ต่างออกไป ไม่ใช่แค่ทุ่มเงินแข่ง แต่หันกลับไปดึง ‘คนคุ้นเคย’ คืนสู่บ้านเดิม อดีตพนักงานจำนวนมากถูกเรียกกลับมาเป็นกำลังหลักในเกมไล่ตาม OpenAI และคู่แข่งรายอื่น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ท่ามกลางการแข่งขันชิงบุคลากรด้าน AI ที่ทวีความร้อนแรงระหว่างบริษัท OpenAI, Meta และ Anthropic วิธีหนึ่งที่ Google ใช้แข่งขันคือ การดึง “อดีตพนักงาน” กลับมาทำงานอย่างจริงจัง

CNBC ระบุว่า ในปี 2025 วิศวกรซอฟต์แวร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ Google รับเข้าทำงานใหม่ “ราว 20%” เป็นพนักงานที่เคยทำงานกับบริษัทมาก่อน หรือที่เรียกว่า “Boomerang Employees” ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ๆ โฆษกของ Google ยืนยันว่า ตัวเลขดังกล่าวยังคงถูกต้อง ณ เดือนธันวาคม และระบุว่าบริษัทเห็นจำนวนนักวิจัย AI ที่ย้ายมาจากคู่แข่งรายใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2024

“เรามีพลังและแรงขับเคลื่อนจากโมเมนตัม โครงสร้างการประมวลผล และบุคลากร วิศวกรอยากมาทำงานที่นี่เพื่อร่วมสร้างผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกม” โฆษกกล่าวในแถลงการณ์

จอห์น เคซีย์ หัวหน้าฝ่ายค่าตอบแทนของ Google เพิ่งบอกพนักงานในการประชุมถึงนโยบายการรับอดีตพนักงานกลับเข้าทำงาน โดยเคซีย์กล่าวว่าวิศวกรซอฟต์แวร์ที่โฟกัสด้าน AI ถูกดึงดูดด้วยงบประมาณที่แข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐานด้านการประมวลผลขนาดใหญ่ของ Google ซึ่งจำเป็นต่อการทำงาน AI ขั้นสูง 

Google มีฐานอดีตพนักงานจำนวนมากให้คัดเลือก โดยเฉพาะหลังการเลิกจ้างครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงต้นปี 2023 เมื่อ Alphabet บริษัทแม่ ลดตำแหน่งงานลง 12,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ภายหลังภาวะตลาดถดถอยจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น นับตั้งแต่นั้นมา Google ยังเดินหน้าปรับลดพนักงานและเสนอแพ็กเกจสมัครใจลาออกอย่างต่อเนื่อง

ในภาพรวมของอุตสาหกรรม ข้อมูลจาก ADP Research ที่เผยแพร่เมื่อต้นปีนี้ชี้ว่า การกลับมาทำงานของอดีตพนักงานเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วน โดยกลุ่มที่จัดอยู่ในหมวด “สารสนเทศ” มีตัวเลขเพิ่มขึ้นเด่นชัดที่สุด

ในขณะนี้ Google เร่งเครื่องไล่ตามในสนามปัญญาประดิษฐ์ หลังออกสตาร์ตช้ากว่าคู่แข่ง ภายหลัง OpenAI เปิดตัว ChatGPT ในช่วงปลายปี 2022 แม้จะสะดุดกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายครั้งในระยะแรก แต่ปีนี้บริษัทสามารถฟื้นตัวได้จากความสำเร็จของโมเดล Gemini และการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI 

ราคาหุ้นของ Alphabet ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% ในปีนี้ แซงหน้าบริษัทเมกะแคปรายอื่นทั้งหมด

ในฐานะแหล่งบ่มเพาะด้านวิศวกรรมและนวัตกรรมมาอย่างยาวนาน Google เป็นเป้าหมายที่คู่แข่งพยายามดึงตัวบุคลากรอยู่เสมอ และสถานการณ์ดังกล่าวก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ช่วงปลายปีที่แล้ว Google ดึงบุคคลสำคัญด้าน AI กลับมาร่วมงานอีกครั้ง นั่นคือ โนม ชาเซียร

ชาเซียรและแดเนียล เดอ เฟรตาส ลาออกจาก Google ในปี 2021 เพื่อไปก่อตั้งแพลตฟอร์ม AI อย่าง Character.AI โดยมีรายงานว่าพวกเขาตัดสินใจออกมา หลังจาก Google ปฏิเสธข้อเสนอให้เร่งพัฒนาแชตบอตภายในของบริษัท

ต่อมา ชาเซียรและเดอ เฟรตาส พร้อมด้วยสมาชิกทีมวิจัยของ Character.AI ได้กลับมาร่วมงานกับ DeepMind อีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2024 ภายใต้ข้อตกลงให้สิทธิใช้งานเทคโนโลยีของสตาร์ตอัปดังกล่าว

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา Google กล้าเสี่ยงมากขึ้น ด้วยการเร่งส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดให้เร็วขึ้น แม้บางครั้งยังไม่ถูกมองว่าสมบูรณ์เต็มที่ นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าลดขั้นตอนราชการภายในองค์กร ด้วยการเสนอแพ็กเกจสมัครใจลาออกในวงกว้าง และตัดผู้จัดการที่ดูแลทีมขนาดเล็กออกมากกว่าหนึ่งในสาม 

เซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ซึ่งกลับมาทำงานอีกครั้งในปี 2023 มีรายงานว่าในบางครั้งเขาได้ติดต่อผู้สมัครงาน “ด้วยตัวเอง” เพื่อชักชวนให้มาร่วมงาน ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้ให้ข้อมูลกับสื่อ

ขณะที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ก็มีรายงานว่าได้ติดต่อกับนักวิจัยด้วยตัวเองเช่นกัน ในนามบริษัทของเขา

อ้างอิง: cnbc