สหรัฐตลาดมืดแห่ง ‘การเกิด’ เศรษฐีจีนแห่ใช้ 'แม่อุ้มบุญ' ผลิตลูกนับร้อย

สหรัฐตลาดมืดแห่ง ‘การเกิด’ เศรษฐีจีนแห่ใช้ 'แม่อุ้มบุญ'  ผลิตลูกนับร้อย

สหรัฐตลาดมืดแห่ง ‘การเกิด’ มหาเศรษฐีจีนแห่ใช้ 'แม่อุ้มบุญ' ผลิตลูกสัญชาติอเมริกันนับร้อย ยอมจ่าย 6.2 ล้านบาทเพื่อเด็ก 1 คน สู่อุดมการณ์สร้างอาณาจักร แก้แค้นนโยบายลูกคนเดียว

อุตสาหกรรม “การอุ้มบุญ” ในสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับชนชั้นสูงและมหาเศรษฐีชาวจีนหลายสิบคน ที่ต้องการมีบุตรจำนวนมากเพื่อสร้าง "วงศ์ตระกูล" 

การที่จีนมีกฎหมายห้ามการอุ้มบุญเชิงพาณิชย์อย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มคนรวยเหล่านี้ต้องเดินทางออกนอกประเทศเพื่อใช้ "ช่องโหว่ทางกฎหมาย" นี้ในการมีบุตรพลเมืองสหรัฐ

ข้อมูลจากนักวิจัยมหาวิทยาลัยเอมอรีเผยว่า การใช้บริการอุ้มบุญในสหรัฐ  โดยพ่อแม่ชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง  4 เท่าตัว ระหว่างปี  2557 ถึง 2562 โดยคลินิก IVF หรือการทำเด็กหลอดแก้ว ได้ดำเนินการอุ้มบุญ 3,240 รอบให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 40% ของจำนวนทั้งหมดในสหรัฐและในบรรดาพ่อแม่ชาวต่างชาติระหว่างปี 2557 ถึง 2563 นั้น 41% มาจากจีน 

ต้องการทายาท 100 คน

เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นภายในห้องพิจารณาคดีปิดในลอสแอนเจลิส เมื่อฤดูร้อนปี  2566 เมื่อผู้พิพากษาเอมี เพลแมนพบคดีความที่ผิดปกติในวงการกฎหมายครอบครัวในลอสแอนเจลิส  

เมื่อตรวจสอบคำร้องขอการอุ้มบุญ ชื่อของ  “นายซู โบ” มหาเศรษฐีชาวจีนรายหนึ่งซึ่งผู้บริหารบริษัทเกมวิดีโอปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการงเรียกร้องสิทธิ์เป็นผู้ปกครองของเด็กที่ยังไม่เกิดอย่างน้อย 4 คน และการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าเขามีหรือกำลังจะมีลูกอีกอย่างน้อย 8 คน โดยทั้งหมดเกิดจากการอุ้มบุญ ซึ่งมีข่าวลือว่าซู โบมีลูกมากกว่า 100 คน

เมื่อถูกเรียกมาให้การทางวิดีโอ ซูบอกศาลว่าเขาหวังจะมีลูกที่เกิดในสหรัฐประมาณ 20 คน ผ่านการอุ้มบุญ โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย เพราะ "ดีกว่า" เด็กผู้หญิง เพื่อสืบทอดธุรกิจในอนาคต ขณะนั้นลูกๆ หลายคนของเขาอยู่กับพี่เลี้ยงในเมืองเออร์ไวน์ รอเอกสารเดินทางไปจีน ซึ่งเขายังไม่เคยพบลูกสักครั้งเพราะ "งานยุ่งมาก"

ผู้พิพากษา เอมี เพลแมน แสดงความตกใจกับสิ่งที่นายซูอธิบาย ซึ่งดูไม่เหมือน "การเลี้ยงดูบุตร" แต่เป็นการผลิตทายาท และได้ปฏิเสธคำขอรับรองความเป็นพ่อแม่ของซู ซึ่งเป็นการตัดสินที่หาได้ยากและทำให้เด็กที่เกิดมาตกอยู่ในสถานะทางกฎหมายที่ไม่ชัดเจน โดยปกติคำขอเหล่านี้จะได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว

บัญชีเวยป๋อ (Weibo) ที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของนายซู โบ เขียนไว้ในปี 2566 ว่าเขาหวังที่จะมี "ลูกชายคุณภาพสูง 50 คน"

แม้ว่าตัวแทนจากบริษัทตั๋วอี๋ เน็ตเวิร์ก (Duoyi Network) ของนายซูจะปฏิเสธรายละเอียดบางส่วน โดยระบุว่า "สิ่งที่ท่านบรรยายมาส่วนใหญ่ไม่เป็นความจริง" แต่ก็ไม่ยอมชี้แจงว่าส่วนใดที่ไม่ถูกต้อง 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวและบริษัทของนายซูเองยืนยันว่าความทะเยอทะยานของเขานั้นเป็นเรื่องจริง โดยบริษัทของเขากล่าวในโซเชียลมีเดียว่านายซูมีลูกผ่านการอุ้มบุญในสหรัฐอเมริกา "มากกว่า 100 คน"

คดีของซูเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตลาดอุ้มบุญที่กำลังเติบโตในสหรัฐ จากกลุ่ม “ชนชั้นสูง” และมหาเศรษฐีชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อมีบุตรจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาอย่างลับๆ โดยใช้บริการแม่อุ้มบุญซึ่งผิดกฎหมายในจีน

'ผลิต' ทายาทเพื่อ 'สร้างอำนาจ' แก้แค้นนโยบายลูกคนเดียว

นาธาน จาง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ IVF USA คลินิกเพื่อการมีบุตรยาก เปิดเผยว่านักธุรกิจผู้มั่งคั่งรายหนึ่งในจีนต้องการมีบุตรมากกว่า 200 คนในคราวเดียวโดยใช้แม่อุ้มบุญ 

"ผมถามเขาตรงๆ ว่า 'คุณวางแผนจะเลี้ยงดูเด็กทั้งหมดนี้อย่างไร?' เขาถึงกับพูดไม่ออก" จางกล่าว และปฏิเสธที่จะรับลูกค้ารายนั้น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าตกใจอีกหลายๆ เรื่อง เช่น เจ้าของเอเจนซี่แห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่าช่วยจัดหาเด็ก 100 คนให้กับพ่อแม่ชาวจีนรายหนึ่ง และทนายความด้านการอุ้มบุญช่วยมหาเศรษฐีชาวจีนมีบุตร 20 คนผ่านการอุ้มบุญในไม่กี่ปี

จนถึงตอนนี้ หลายคนคงกำลังตั้งคำถามว่ามหาเศรษฐีจีนต้องการมีลูกเยอะๆ ไปทำไม ซึ่งแรงจูงใจในการมีบุตรจำนวนมากนั้นแตกต่างกันไปนอกเหนือจากการสืบทอดธุรกิจ 

ข้อแรกคือการ "แก้แค้นนโยบายลูกคนเดียว" โดยฮู ยี่ฮั่น ซีอีโอของคลินิก IVF ในนิวยอร์ก Global Fertility & Genetics บอกว่าครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง และผู้ชายอายุ 60 ปีหลายคนใช้บริการอุ้มบุญเพื่อมีลูกจำนวนมากในวัยชรา เพื่อ "ชดเชย" สิ่งที่ถูกปฏิเสธมาในอดีต

พ่อแม่ชาวจีนรุ่นเก่าที่เคยถูกบังคับให้มีลูกเพียงคนเดียว จากนโยบายลูกคนเดียวของจีนที่บังคับใช้มาหลายทศวรรษก่อนจะถูกยกเลิกในปี 2558 ซึ่งตอนนี้มีเงิน มีเทคโนโลยี และมีตลาดบริการรองรับ พวกเขาจึง

ข้อที่ 2 คือการ “สร้างความมั่งคั่งและอำนาจ” จางจาก IVF USA เผยว่าตอนนี้อีลอน มัสก์กำลังกลายเป็นแบบอย่าง ลูกค้าที่รวยมหาศาลจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังว่าจ้างให้มีทารกที่เกิดในสหรัฐหลายสิบหรือหลายร้อยคน โดยมีเป้าหมายเพื่อ "สร้างราชวงศ์ตระกูลที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้"

หรือแม้แต่กรณีที่ไม่คาดคิด โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดกับ หวัง ฮุยหวู่ ประธานและซีอีโอของกลุ่มบริษัทการศึกษา XJ International Holdings ในมณฑลเสฉวน เปิดเผยว่าเขาได้ว่าจ้างนางแบบชาวอเมริกันและบุคคลอื่นๆ มาเป็นผู้บริจาคไข่เพื่อให้ได้ลูกสาว 10 คน โดยมีเป้าหมายที่จะให้พวกเธอแต่งงานกับชายผู้มีอำนาจในอนาคต

หวังซื้อไข่หลายสิบฟองจากนางแบบ นักเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาเอก และนักดนตรี ในราคาฟองละ 6,000-7,500 ดอลลาร์  หรือประมาณ 1.8 - 2.3 แสนบาท

ตลาดมืดแห่ง ‘การอุ้มบุญ’

ตลาดนี้เติบโตอย่างซับซ้อนมาก จนบางครั้งพ่อแม่ชาวจีนสามารถมีบุตรที่เกิดในสหรัฐโดยไม่ต้องเหยียบย่างเข้าไปในประเทศเลย อุตสาหกรรมขนาดเล็กที่เฟื่องฟูของหน่วยงานรับจ้างอุ้มบุญ บริษัทกฎหมาย คลินิก หน่วยงานจัดส่ง และบริการพี่เลี้ยงเด็กในอเมริกาได้เกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการ โดยมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 200,000 ดอลลาร์ต่อเด็กหนึ่งคน หรือราว 6.2 ล้านบาท

อุตสาหกรรมนี้มีการกำกับดูแลที่น้อยมากจนแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจสอบว่าพ่อแม่คนเดียวใช้บริการแม่อุ้มบุญหลายคนพร้อมกันหรือไม่

อแมนดา ทร็อกซ์เลอร์ ทนายความด้านการอุ้มบุญในลอสแอนเจลิส เล่าว่ามีผู้ปกครองชาวจีนรายหนึ่งบอกว่าต้องการอุ้มบุญ 8 หรือ 10 คน และขอส่วนลด  

กลุ่มอุตสาหกรรมแนะนำว่าหน่วยงานและคลินิก IVF ไม่ควรทำงานร่วมกับพ่อแม่ที่ต้องการอุ้มบุญพร้อมกันมากกว่า 2 คน แต่คำแนะนำดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้ และบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดคือการถูกถอดถอนจากการเป็นสมาชิกเท่านั้น

‘แม่อุ้มบุญสหรัฐ’ เรื่องอื้อฉาวในจีน

แม้ว่ารัฐบาลจีนมักจะเพิกเฉยต่อพลเมืองที่ใช้การอุ้มบุญในต่างประเทศ แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าการอุ้มบุญนำไปสู่ "วิกฤติทางจริยธรรมในครอบครัวและสังคมอย่างร้ายแรง"

ขณะเดียวกัน การใช้บริการแม่อุ้มบุญในต่างประเทศของดาราหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนก็กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในจีน

  • คดีของเจิ้งซวงและจางเหิง

ในปี 2562 เจิ้ง ซวง นักแสดงและนางแบบชื่อดังได้ว่าจ้างหญิงชาวอเมริกัน  2 คนให้อุ้มบุญร่วมกับจางเหิง แฟนหนุ่มของเธอ แต่ก่อนที่เด็กทั้งสองจะเกิด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มแย่ลง ตามเอกสารในศาลระบุว่าเจิ้งเคยพิจารณาขอให้หญิงที่รับจ้างอุ้มท้องคนหนึ่งยุติการตั้งครรภ์ แต่ทารกมีอายุครรภ์มากเกินไปแล้ว

หลังจากจางโพสต์ข้อความบน Weibo ว่าเจิ้งเคยคิดทำแท้ง พรรคคอมมิวนิสต์จีนออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์ ระบุว่า "การที่พลเมืองจีนใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและหลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกาเพียงเพราะการอุ้มบุญเป็นสิ่งต้องห้ามในประเทศจีนนั้น ไม่ได้เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแต่อย่างใด"

เจิ้งถูกยกเลิกสัญญาจากแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ทั้งสองถูกสอบสวนในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี เธอถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับเกือบ 46 ล้านดอลลาร์ และจางถูกปรับ 5 ล้านดอลลาร์

คดีฉินกัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน

การอุ้มบุญเป็นองค์ประกอบสำคัญในเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการหายตัวไปของ “ฉิน กัง” รัฐมนตรีต่างประเทศจีนในปี 2566

 ฉินกังซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ช่วยที่สีจิ้นผิงไว้ใจ  ตกจากตำแหน่งหลังจากที่การสอบสวนพบว่าเขามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับฟู่เสี่ยวเทียน ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง

ฟู่มีลูกในสหรัฐอเมริกาผ่านการอุ้มบุญเมื่อปลายปี 2565 เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการคาดเดาว่าฉินเป็นพ่อ และนำไปสู่การตรวจสอบภายในพรรคว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ใช้การอุ้มบุญเพื่อมีบุตรในต่างประเทศหรือไม่

‘สหรัฐ’ จ่อคุมเข้มการใช้แม่อุ้มบุญ

อย่างที่รู้กันดีว่าเด็กที่เกิดในสหรัฐถือเป็นพลเมืองสหรัฐโดยอาศัยสิทธิตามบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 14 ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นทางการเมืองที่ถกเถียงกันมานาน

ในปี 2563 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเข้มงวดกฎระเบียบด้านวีซ่าสำหรับผู้หญิงที่ต้องสงสัยว่าเดินทางมาสหรัฐเพื่อคลอดบุตร 

ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา”โดนัลด์ ทรัมป์” ก็ออกคำสั่งบริหารปฏิเสธการให้สัญชาติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐเว้นแต่พ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งจะเป็นพลเมืองหรือผู้พำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

เมื่อเดือนที่แล้ว ริค สก็อตต์ วุฒิสมาชิกจากรัฐฟลอริดา เสนอร่างกฎหมายเพื่อห้ามการใช้แม่อุ้มบุญในสหรัฐอเมริกาโดยบุคคลจากบางประเทศรวมถึงจีน โดยอ้างถึงการสอบสวนคดีค้ามนุษย์ของ FBI และ กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวกับคู่สามีภรรยาชาวจีน-อเมริกันในลอสแอนเจลิสที่มีลูกมากกว่า 24 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดเกิดจากการใช้แม่อุ้มบุญในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้กำลังขยายตัวจากเรื่องส่วนตัวไปสู่ประเด็นความมั่นคงและกฎหมายระหว่างประเทศ