สายเขียวยิ้ม! ทรัมป์ ‘ผ่อนคลายกัญชา’ จัดประเภทใหม่ ลดระดับความร้ายแรง

คำสั่งล่าสุดของปธน.ทรัมป์ ในการ ‘ผ่อนคลายกฎระเบียบกัญชา’ กำลังเขย่านโยบายยาเสพติดสหรัฐครั้งใหญ่ในรอบหลายทศวรรษ ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากฝ่ายที่มองว่าเป็นโอกาสทางการแพทย์และเศรษฐกิจ กับแรงต้านจากฝ่ายที่กังวลถึงผลกระทบต่อเยาวชน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อ “ผ่อนคลายกฎระเบียบของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับกัญชา” ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่เปลี่ยนทิศทางนโยบายเข้มงวดต่อกัญชา ซึ่งใช้มานานหลายสิบปีให้ผ่อนปรนมากขึ้น
คำสั่งดังกล่าวระบุให้รัฐมนตรียุติธรรมเร่งเดินหน้ากระบวนการ “จัดประเภทใหม่” ให้กับกัญชา หากมีการดำเนินการจริง กัญชาซึ่งเป็นพืชที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับยาแก้ปวดทั่วไป เคตามีน และฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ในฐานะสารที่ถูกมองว่า “มีอันตรายน้อยกว่า”
การตัดสินใจดังกล่าว จะถือเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนโยบายกัญชาระดับรัฐบาลกลางที่สำคัญที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และอาจส่งผลปรับโฉมอุตสาหกรรมกัญชา ปลดล็อกเงินทุนด้านการวิจัยมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ รวมถึงเปิดประตูที่ปิดตายมานานให้กับธนาคารและนักลงทุน
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากจากพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา แสดงท่าทีสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว
ขณะที่สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับทรัมป์ กลับออกมาวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีการตัดสินใจนี้อย่างรุนแรง
ทรัมป์ กล่าวว่า กัญชายังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในระดับรัฐบาลกลาง และยังคงอยู่ภายใต้กฎหมายท้องถิ่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบางรายมองว่า ยังจำเป็นต้องมีการดำเนินการจากสภาคองเกรส เพื่อสร้างกรอบกำกับดูแลที่มีเสถียรภาพมากขึ้น
“มีผู้คนจำนวนมากมาขอร้องให้ผมทำเรื่องนี้ คนที่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงมานานหลายสิบปี” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีซึ่งไม่ดื่มสุราเลยรายนี้ ยังย้ำว่า สารเสพติดที่อยู่ภายใต้การควบคุมนั้นมีความเสี่ยง และการทดลองใช้สารเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ
“ผมไม่ต้องการมัน เข้าใจไหม” เขากล่าว “ผมจะไม่ใช้มันแน่นอน แต่มีคนจำนวนมากที่ต้องการมัน และมีคนจำนวนมากที่จำเป็นต้องใช้มัน”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลระบุว่า เป้าหมายหลักของคำสั่งดังกล่าวคือการเพิ่มการวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและศักยภาพในการรักษาโรค
ขณะเดียวกัน ศูนย์บริการเมดิแคร์และเมดิเคด มีแผนจะอนุญาตให้ผู้รับสิทธิประโยชน์บางกลุ่มสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ CBD ที่สกัดจากกัญชงได้เร็วที่สุดภายในเดือนเมษายนนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันพฤหัสบดี สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายสิบคนในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐได้ส่งจดหมายถึงทรัมป์ เพื่อขอร้องไม่ให้เขาลงนามในคำสั่งดังกล่าว
“การจัดกัญชาใหม่ให้อยู่ในบัญชียาเสพติดประเภทที่ 3 จะส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปยังเด็กและเยาวชนอเมริกัน เอื้อประโยชน์ให้กับขบวนการค้ายาเสพติด และทำให้ท้องถนนของเราอันตรายยิ่งขึ้น” สมาชิกสภานิติบัญญัติเหล่านั้นระบุ
ทั้งนี้ กัญชาเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายที่มีการใช้มากที่สุดทั้งในโลกและในสหรัฐ โดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ระบุว่า ชาวอเมริกันเกือบ 1 ใน 5 ใช้กัญชาอย่างน้อยปีละครั้ง
ขณะที่ชาวอเมริกันอีกหลายล้านคนเคยถูกจับกุมในข้อหาครอบครองกัญชา แม้ในเวลาเดียวกัน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาจำนวนมากจะเติบโตและจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ตาม
ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ปัจจุบันกัญชาถูกจัดอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภทที่ 1 เช่นเดียวกับเฮโรอีน ซึ่งการจัดประเภทนี้หมายความว่าสารดังกล่าวมีศักยภาพในการเสพติดสูง และไม่มีการยอมรับว่ามีประโยชน์ทางการแพทย์ในปัจจุบัน
ขณะที่ยาในบัญชีประเภทที่ 3 ถูกมองว่ามีโอกาสเสพติดต่ำกว่า และมีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกต้อง ซึ่งในขณะนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งให้เดินหน้ากระบวนการ “จัดประเภทใหม่” ให้กับกัญชา
อ้างอิง: reuters







