ค้าปลีกจีนโตต่ำสุดรอบ 5 ปีตั้งแต่โควิด สัญญาณเศรษฐกิจโตช้าลง

ยอดค้าปลีกจีนเดือนพ.ย. ชะลอตัวแรงที่สุดสุดนับตั้งแต่โควิดปี 2020 ขณะที่การลงทุนทรุดตัวลงอีกรอบ สะท้อนสัญญาณถดถอยสะสมต่อเนื่อง บ่งชี้เศรษฐกิจจีนกำลังโตช้าลง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยข้อมูลล่าสุดในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ยอดค้าปลีก ในเดือนพ.ย. ขยายตัวเพียง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ หากไม่นับช่วงการแพร่ระบาดของโควิดเมื่อปี 2020 โดยต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทุกสำนักในผลสำรวจของ บลูมเบิร์ก ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะทรงที่ 2.9% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
ด้านตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 4.8% ลดลงจาก 4.9% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรหดตัว 2.6% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี จากการที่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงทรุดตัวอย่างรุนแรง ขณะที่อัตราการว่างงานในเขตเมืองทรงตัวที่ระดับ 5.1%
ภายหลังการเปิดเผยข้อมูล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 30 ปี ลดช่วงการปรับตัวลง ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงยังคงอยู่ในแดนลบ โดยดัชนี Hang Seng China Enterprises Index ร่วงลงมากสุดถึง 1.2% ก่อนจะลดช่วงการปรับตัวลงในเวลาต่อมา
“เศรษฐกิจเผชิญความท้าทายหลายด้าน” ในเดือนพ.ย. พร้อมชี้ว่า “มีความไม่แน่นอนและความผันผวนจากภายนอกจำนวนมาก ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังไม่เพียงพอ” NBS ระบุในแถลงการณ์
ความล้มเหลวของจีนในการฟื้น "การใช้จ่ายของผู้บริโภค" กำลังเปิดช่องให้เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงจากต่างประเทศมากขึ้น หลังจากพึ่งพา "การส่งออก" เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตตลอดเกือบทั้งปีนี้ แม้ต้องเผชิญสงครามภาษีที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากขึ้นก็ตาม โดยตัวเลขช่วง 11 เดือนแรกเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์
แต่นักวิเคราะห์โดยรวมคาดว่าการส่งออกของจีนจะชะลอลงในเดือนธ.ค. นี้ เนื่องจากกระแสกีดกันทางการค้าแพร่ขยาย และความตึงเครียดด้านการค้าทวีความรุนแรงนอกเหนือไปจากสหรัฐ
อีริค จู จาก Bloomberg Economics ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ย. สะท้อนว่า อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแรงลงต่อเนื่องจนถึงปลายปี ขณะที่การเติบโตของภาคการผลิตทำระดับต่ำสุดใหม่ของปีนี้ แม้การส่งออกจะฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นๆ ก็ตาม ภาพการชะลอตัวที่เกิดขึ้นในวงกว้างบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนอ่อนแอกว่าช่วงก่อนที่รัฐบาลจะหันมาใช้นโยบายสนับสนุนการเติบโตในไตรมาส 4 ปี 2024 เสียอีก
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่า "จีนจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเชิงรุกมากขึ้น เดินหน้าขยายอุปสงค์ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับโครงสร้างอุปทานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น"
อย่างไรก็ดี อุปสงค์จากผู้บริโภคและภาคธุรกิจภายในประเทศที่อ่อนแอ ได้ถ่วงเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกอย่างจีนมาหลายปี ส่งผลให้ "ภาวะเงินฝืด" ฝังรากลึก กระทบทั้งกำไรของภาคธุรกิจและรายได้แรงงาน ขณะที่สัญญาณหลายด้านบ่งชี้ว่าสถานการณ์อาจเลวร้ายลงอีก ทั้งการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอลง และการดิ่งลงอย่างรุนแรงของการลงทุนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ที่มา: Bloomberg







