'บอนด์ยีลด์โลก' พุ่งสูงสุด 16 ปี จับตา 2 ความเสี่ยงใหญ่เขย่าตลาด

บอนด์ยีลด์ทั่วโลกพุ่งสูงสุดในรอบ 16 ปี ตั้งแต่ปี 2009 ตลาดกังวล ‘วงจรลดดอกเบี้ย’ ใกล้ถึงจุดจบ จับตา 2 ความเสี่ยงใหญ่เขย่าตลาด ‘หนี้ภาครัฐ-การคลังขาดดุล’
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก(บอนด์ยีลด์โลก)ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 หลังตลาดกังวลในตลาดว่า วงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการลดอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้วอาจกำลังสิ้นสุดลงแล้ว
ดัชนีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวทั่วโลกของ Bloomberg กลับมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มลดการเดิมพันเรื่องการลดดอกเบี้ย
ยุโรป: ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) แทบจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก
ญี่ปุ่น: คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้อย่างแน่นอน
ออสเตรเลีย: คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25 % ในปีหน้า
แม้เฟดลดดอกเบี้ย แต่ความกังวลยังคงอยู่
แม้ว่ามีการคาดการณ์ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน แต่ตลาดพันธบัตรสหรัฐก็มีสัญญาณที่ "ผิดปกติ" โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30ปี ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน และ พันธบัตรอายุ 10 ปี ก็อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน
นักลงทุนกำลังจับตามองปัจจัยลบหลายประการที่กระทบต่อตลาดพันธบัตร คือ
- เงินเฟ้อยังสูง จากดัชนีราคาที่ Fed ใช้ (PCE) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 2.8% ในเดือนกันยายน ซึ่งยังสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางเกือบ 1% เต็ม
- ปัญหาการคลัง จากการกู้ยืมเพื่ออุดช่องว่างงบประมาณมูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ กำลังสร้างแรงกดดันต่อตลาด
- ความไม่แน่นอนของเฟด จากความกังวลเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดแทน เจอโรม พาวเวล เมื่อสิ้นสุดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยมีชื่อของ นายเควิน แฮสเซ็ตต์ ที่สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยตามความต้องการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นตัวเต็ง
โรเบิร์ต ทิปป์ หัวหน้านักวิเคราะห์การลงทุนของ PGIM Fixed Income ชี้ว่า “การซื้อขายที่เกิดจากความผิดหวังกำลังเกิดขึ้นในหลายตลาดพัฒนาแล้ว” เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตระหนักว่าวงจรการลดดอกเบี้ยของเฟดอาจกำลังจะสิ้นสุดลง
2 ความเสี่ยงกดดันตลาดบอนด์
การเปลี่ยนแปลงของตลาดพันธบัตรครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าโลกกำลังจะเผชิญกับ "การเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น" และ "การขยายตัวทางการคลังที่มากขึ้น" ในปีหน้า ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยง 2 ด้านสำคัญ
อันดับแรก คือ หนี้สาธารณะของภาครัฐพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่โตเกียวไปจนถึงลอนดอน และรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกกำลังเพิ่มการใช้จ่ายครั้งใหญ่ เช่น เยอรมนีเตรียมอนุมัติคำสั่งซื้อด้านกลาโหมมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5.2 หมื่นล้านยูโร และญี่ปุ่นมีการใช้จ่ายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
เอมี่ ซี แพทริค หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์รายได้ของ Pendal Group Ltd. มองว่า การเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์เป็นผลมาจากการคาดการณ์การเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวทางการคลังมากขึ้นในปีหน้า
"สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูงและภาครัฐมีภาระขาดดุลทางการคลังเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนรู้สึกว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น จึง ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยงเหล่านั้น นอกจากนี้ ความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างหุ้นและพันธบัตรที่เคยเป็นกลไกสำคัญในการกระจายความเสี่ยงได้เริ่มลดลง ดังนั้น พันธบัตรรัฐบาลจึงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงที่น่าเชื่อถือให้กับพอร์ตการลงทุนได้ดีเท่าในอดีตอีกต่อไป" สกายลาร์ มอนต์โกเมอรี โคนิง นักวิเคราะห์มหภาคของบลูมเบิร์ก







