โปลิตบูโรจีนลั่น 'กระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ' คือเป้าหมายเศรษฐกิจสูงสุดปี 2026

โปลิตบูโรจีนชู 'อุปสงค์ในประเทศ' เป็นเครื่องยนต์หลักปี 2026 ส่งสัญญาณเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางแรงกดดันให้เร่งปรับสมดุลเศรษฐกิจ
ในวันนี้ (8 ธ.ค. 68) กรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ได้ประกาศให้ “การเพิ่มอุปสงค์ในประเทศ” เป็นภารกิจเศรษฐกิจอันดับ 1 สำหรับปี 2026 ของจีน พร้อมส่งสัญญาณใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ทว่าเป็นแบบพอประมาณ
คณะโปลิตบูโรจีนซึ่งมีประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" เป็นประธาน แถลงหลังการประชุมเดือนธ.ค. ว่า "จีนต้องยึดอุปสงค์ในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก และสร้างตลาดภายในที่แข็งแกร่งขึ้น” พร้อมเน้นการเร่งสร้างพลังการผลิตรูปแบบใหม่ ซึ่งสะท้อนว่า "การจำกัดการผลิตในบางอุตสาหกรรมน่าจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้"
คณะผู้นำสูงสุดของจีนยังให้ความสำคัญกับ "การปรับนโยบายข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจ" (Cross-cyclical policy adjustments) ซึ่งเป็น "ครั้งแรก" ที่ถ้อยคำดังกล่าวกลับมาอยู่ในแถลงการณ์ของโปลิตบูโรจีนอีกครั้งนับตั้งแต่ปลายปี 2023 พร้อมยืนยันจะคงทิศทางนโยบายการคลังแบบ “เชิงรุก” และนโยบายการเงินแบบ “ผ่อนคลายปานกลาง”
แจ็กเกอลีน หรง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส กล่าวถึงสารจากโปลิตบูโรครั้งนี้ว่า “น้ำเสียงโดยรวมคือ ใช้นโยบายเพื่อกระตุ้นอุปสงค์และพยุงด้านอุปทานไปพร้อมกัน” และมองว่าปักกิ่งพยายามหา "จุดสมดุล" ระหว่างการผ่อนคลายทางการคลังและการเงิน กับการควบคุมความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของหนี้ โดยมองว่าแนวโน้มปีหน้าจึงน่าจะเป็นการผ่อนคลายแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือพอประมาณ
ด้านตลาดทุนตอบสนองสัญญาณจากคณะผู้นำจีนอย่างผสมผสาน ดัชนี CSI 300 ตลาดหุ้นจีนบวกขึ้นถึง 1.2% ก่อนย่อตัวลงมาปิดบวกไป 0.81% ปิดที่ 4,621.75 จุด ขณะที่หุ้นจีนในฮ่องกงปิดลบ 1.3% และเงินหยวนออฟชอร์แทบไม่ขยับ
มุมมองจาก Bloomberg Economics ระบุว่า แนวทางดังกล่าวชี้ว่ามาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจปีหน้าจะไม่น้อยกว่าปีนี้ โดยนโยบายการคลังยังเป็นแกนหลัก ขณะที่นโยบายการเงินจะผ่อนคลายเพิ่มเติมแต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
การมุ่งกระตุ้นอุปสงค์ภายในเกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากการหดตัวของการลงทุน แม้จีนสามารถรักษาแรงส่งจากภาค "การส่งออก" ที่เติบโตสวนทางกับภาษีของสหรัฐ จนดันให้ดุลการค้ารอบ 11 เดือน เกินดุลทะลุ "หนึ่งล้านล้านดอลลาร์" ได้เป็นครั้งแรก แต่จีนก็ยังเผชิญแรงกดดันจากยุโรปและประเทศอื่นๆ ให้ “ปรับสมดุล” โมเดลเศรษฐกิจมากขึ้น
แม้ภาคส่งออกที่แข็งแกร่งทำให้จีนยังมีแนวโน้มบรรลุเป้าหมายการเติบโตราว 5% ในปี 2025 ซึ่งช่วยลดแรงจูงใจในการเปลี่ยนทิศทางนโยบาย แต่เศรษฐกิจภายในก็ยังต้องการแรงกระตุ้นโดยเฉพาะด้านการบริโภค
ซิง จ้าวเผิง นักกลยุทธ์จีนอาวุโสของธนาคาร ANZ มองว่า “ถ้อยแถลงของโปลิตบูโรชี้ว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายกระตุ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นด้านการบริโภคมากขึ้นในปี 2026” เขายังคงประมาณการว่า จีนจะลดอัตราส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในไตรมาสแรก และอาจลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสสอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในถ้อยแถลงของโปลิตบูโรวันนี้ ประเด็นเรื่อง “การป้องกันและแก้ไขความเสี่ยงในภาคส่วนสำคัญ” เช่น หนี้ท้องถิ่น อสังหาริมทรัพย์ และความเปราะบางทางการเงิน ถูกเลื่อนลงไปอยู่ลำดับท้ายของวาระสำคัญทั้ง 8 ข้อสำหรับปี 2026
ติง ช่วง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนและเอเชียเหนือของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดให้ความเห็นว่า “การปรับอันดับความสำคัญอาจสะท้อนว่าผู้กำหนดนโยบายมองว่าความเสี่ยงในประเด็นเหล่านี้เริ่มลดลงบ้างแล้ว” พร้อมเสริมว่า รัฐบาลน่าจะจัดสรรงบประมาณมากขึ้นให้กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการสังคม
ทั้งนี้ การประชุมเดือนธ.ค. ของโปลิตบูโรมักใช้เป็นกรอบสำหรับการประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลาง (Central Economic Work Conference) ซึ่งจะกำหนดรายละเอียดนโยบายสำหรับปีถัดไป โดยมีผู้นำระดับสูง รัฐมนตรี ผู้ว่ามณฑล และผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเข้าร่วม โดยคาดว่าจะจัดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้า
ส่วนมาตรการเฉพาะด้าน เช่น เป้าหมาย GDP และกรอบงบประมาณประจำปี จะเปิดเผยในที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติในช่วงต้นเดือนมี.ค.
ที่มา: Bloomberg







