‘ส่งออกจีน’ ฟื้นแรง เดือนพ.ย. พุ่ง 5.9% พลิกเกินดุล 1.12 แสนล้านดอลลาร์

‘ส่งออกจีน’ เดือนพ.ย. ฟื้นแรงเกินคาด พุ่ง 5.9% พลิกเกินดุล 1.12 แสนล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสงครามการค้า การส่งออกสุทธิคิดเป็น 1 ใน 3 ของ GDP จีน แม้พยายามสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจใหม่
บลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือนพ.ย.กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่นักเศรษฐศาสตร์จากบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ที่ 4% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนเกินดุลสูงถึง 1.12 แสนล้านดอลลาร์
‘การค้า’ ค้ำจุนเศรษฐกิจ
ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดทางการค้ากับรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เริ่มคลี่คลายลง ถึงแม้ว่าสหรัฐจะเริ่มสงครามการค้าตั้งแต่ต้นปี 2568 แต่เศรษฐกิจจีนก็ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยแทบไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากจีนสามารถปรับตัวและเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐได้มากขึ้น
การเติบโตของการส่งออกได้กลายเป็นแรงผลักดันหลักอย่างต่อเนื่องของจีน โดยเข้ามาช่วยชดเชยกำลังซื้อภายในประเทศที่ซบเซา และภาวะตกต่ำยาวนานของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยในปัจจุบันการส่งออกสุทธิคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้
‘จีน’ ดิ้นรนสร้างสมดุลใหม่
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการค้าที่ไม่สมดุลนี้ ได้สร้างความกังวลให้กับประเทศคู่ค้าที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสินค้าจีนราคาถูกที่หลั่งไหลเข้ามาในตลาด
ประเด็นนี้ยังตอกย้ำว่าจีนกำลังพยายามอย่างหนักในการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจใหม่ โดยลดการพึ่งพาอุปสงค์จากต่างประเทศและหันมากระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น
ดุลการค้าที่เกินดุลเป็นประวัติการณ์นี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หลังจากที่เศรษฐกิจซบเซามาหลายเดือน แม้ว่าการเติบโตของยอดค้าปลีกจะเริ่มฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 และการลงทุนยังคงหดตัวในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่การเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2568 ทำให้เป้าหมายการเติบโตอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 5% นั้นน่าจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
อ้างอิง Bloomberg







