2025 ขึ้นแท่น 'ปลดคน' มากสุดในรอบ 5 ปี ปีนี้สหรัฐลดคนไปแล้ว 1.1 ล้านตำแหน่ง

2025 ขึ้นแท่น 'ปลดคน' มากสุดในรอบ 5 ปี ปีนี้สหรัฐลดคนไปแล้ว 1.1 ล้านตำแหน่ง

ปีนี้ทั้งปี สหรัฐปลดคนไปแล้วทะลุ 1.1 ล้านตำแหน่ง สูงที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิดปี 2020 ปัจจัยรุมเร้าเพียบทั้งการปรับโครงสร้างองค์กร ผลกรทบภาษี และ AI Disruption

KEY

POINTS

  • การปลดพนักงานในสหรัฐฯ ช่วง 11 เดือนแรกของปี 2025 พุ่งสูงถึง 1.17 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่วิกฤตโควิดปี 2020
  • สาเหตุหลักของการเลิกจ้างมาจากการปรับโครงสร้างองค์กร การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ และผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากร
  • ภาคเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก โดย AI ถูกอ้างเป็นเหตุผลโดยตรงในการเลิกจ้างพนักงานกว่า 54,000 ตำแหน่งในปีนี้
  • ในขณะเดียวกัน แผนการจ้างงานใหม่ก็ลดลงถึง 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานที่ซบเซา

บริษัทที่ปรึกษาด้านการจ้างงาน Challenger, Gray & Christmas เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า การประกาศปลดพนักงานทั่วสหรัฐในปี 2025 พุ่งทะลุหลัก 1 ล้านตำแหน่งไปแล้วในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ไปแตะ 1.17 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. หรือเพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อน และนับเป็นตัวเลขการปลดคนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติโควิดในปี 2020 เนื่องจาก "การปรับโครงสร้างองค์กร การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และมาตรการภาษีศุลกากร" 

เฉพาะเดือนพ.ย. มีการประกาศปลดพนักงาน 71,321 ราย แม้จะลดลงจากเดือนต.ค. ที่สูงผิดปกติ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับสถิติที่ผ่านมา โดยการปลดพนักงานกว่า 13,000 ตำแหน่งของบริษัท Verizon เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเลขพุ่งสูงในเดือนที่แล้ว 

ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ มีการลดตำแหน่งงาน 12,377 ตำแหน่ง ส่งผลให้ยอดรวมในปี 2025 ของภาคส่วนเทคโนโลยีนี้เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน โดยปัจจัยเรื่อง "AI" ถูกอ้างถึงว่าเป็นสาเหตุของการปลดพนักงานมากถึง 54,694 รายในปีนี้ 

ส่วน "มาตรการภาษีศุลกากร" ก็ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการปลดพนักงานมากกว่า 2,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หรือรวมเกือบ 8,000 ตำแหน่งนับตั้งแต่ต้นปี ขณะที่เหตุผลการปลดพนักงานที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในเดือนนี้คือ การปรับโครงสร้างองค์กร ตามมาด้วยการปิดกิจการ และสภาพตลาดหรือภาวะเศรษฐกิจ

“แผนการปลดพนักงานลดลงในเดือนก่อนถือเป็นสัญญาณเชิงบวก อย่างไรก็ตาม การปลดพนักงานในเดือนพ.ย. ที่สูงกว่า 70,000 ตำแหน่ง เคยเกิดขึ้นเพียงสองครั้งนับตั้งแต่ปี 2008 คือในปี 2022 และปี 2008” แอนดี ชาลเลนเจอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของ Challenger, Gray & Christmas กล่าว

ชาลเลนเจอร์ยังชี้ว่า นับตั้งแต่วิกฤติการเงินปี 2008 หรือช่วงวิกฤติซับไพรม์ บริษัทต่างๆ ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการประกาศปลดพนักงานช่วงปลายปี

“ครั้งหนึ่งเคยเป็นเทรนด์ที่จะมีการประกาศแผนปลดพนักงานในช่วงปลายปี เพื่อให้สอดคล้องกับรอบปีงบประมาณของบริษัทส่วนใหญ่ แต่เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่ไม่นิยมอีกแล้วหลังภาวะถดถอยครั้งใหญ่ และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดคือ การปลดพนักงานจะเกิดขึ้นในช่วงอื่นที่ไม่ใช่ช่วงวันหยุดปลายปี” ชาลเลนเจอร์กล่าว

แม้ตัวเลขในเดือนพ.ย. จะอยู่ในระดับสูง แต่ก็ผ่อนคลายลงมาแล้วจากในเดือนต.ค. ที่มีการประกาศปลดพนักงานมากถึงกว่า 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 22 ปีของเดือนต.ค. ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานะของตลาดแรงงานในสหรัฐ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ADP รายงานสถานการณ์การจ้างงานภาคเอกชนว่า มีการปลดพนักงาน 32,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการลดคนลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง

ทางด้าน "การจ้างงานใหม่" ก็ดูซบเซาเช่นกัน โดยชาลเลนเจอร์ระบุว่าบรรดานายจ้างได้ประกาศแผนการจ้างงานใหม่ 497,151 ตำแหน่งในปีนี้ หรือลดลงถึง 35% จากช่วงเดียวกันของปี 2024

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีสัญญาณอ่อนแรง แต่ข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐก็ยังไม่สะท้อนการพุ่งขึ้นของการเลิกจ้าง

กระทรวงแรงงานรายงานเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ลดลงเกิดคาดมาอยู่ที่ 191,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยข้อมูลทางการระบุว่าการลดลงราว 27,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้า มีสาเหตุมาจากการลดลงอย่างมากผิดปกติในรัฐแคลิฟอร์เนียและเทกซัส และมีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากช่วงวันหยุดเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving)