เอา 'ทองคำ' ค้ำแล้วรับเงินกู้ไป โมเดลเรียบง่าย 'พาตระกูลรวย 4 แสนล้าน'

เอา 'ทองคำ' ค้ำแล้วรับเงินกู้ไป โมเดลเรียบง่าย 'พาตระกูลรวย 4 แสนล้าน'

ในโลกการเงินที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน ‘โมเดลปล่อยกู้ที่เรียบง่าย’ กลับกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจทำเงินมากที่สุดของอินเดีย รับทองคำของลูกค้ามาเป็นหลักประกัน แล้วปล่อยกู้ระยะสั้นไม่กี่เดือน โมเดลเกือบไร้เทคโนโลยีนี้ ผลักดันให้ความมั่งคั่งรวมของตระกูลมูธูต รวยทะลุ 4 แสนล้านบาท

สำหรับโลกการเงินที่เต็มไปด้วยนวัตกรรม และอัลกอริทึมอันซับซ้อน กลับมี “โมเดลธุรกิจหนึ่ง” ในอินเดียที่เรียบง่ายจนแทบไม่น่าเชื่อ เพียงรับ “ทองคำของลูกค้า” มาเป็นหลักประกัน และปล่อยกู้ระยะสั้น 4–12 เดือน ทว่าโมเดลอันตรงไปตรงมานี้ กลับผลักดันให้บริษัทมีมูลค่าทะยานสูงเกือบ 17,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.4 แสนล้านบาท) และสร้างมหาเศรษฐีหลายคนในครอบครัวเดียว

โมเดลนี้เป็นของตระกูล “มูธูต” (Muthoot) ของอินเดีย ซึ่งยิ่งได้ประโยชน์อย่างมากจากกระแสทองคำบูม ราคาหุ้นของบริษัท “Muthoot Finance” พุ่งทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ความมั่งคั่งรวมของครอบครัวทะลุ 13,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4 แสนล้านบาท)

ขณะที่ผู้คนจำนวนมาก แม้กระทั่งผู้มั่งคั่ง ต่างแห่นำทองคำเก่าในครอบครัวมาค้ำเงินกู้ระยะสั้น เพื่อใช้ประโยชน์จากราคาทองที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ตลาดกำลังโตอย่างระเบิด” จอร์จ อเล็กซานเดอร์ มูธูต ผู้บริหารรุ่นที่ 3 วัย 70 ปี กล่าวในน้ำเสียงมั่นใจ “ตอนนี้แม้แต่คนรวย ก็ยังนิยมใช้ทองกู้เงิน”

กู้เงินด้วยกำไลเส้นเดียว

แม้เป็นธุรกิจระดับหมื่นล้านดอลลาร์ แต่วิธีดำเนินงานของ Muthoot Finance กลับเรียบง่าย เริ่มจากลูกค้านำเครื่องประดับทองมา พนักงานตรวจสอบความบริสุทธิ์ด้วยหินสีดำแบบพิเศษที่เรียกว่า “Kasauti” ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมของวงตระกูลมาเกือบ 100 ปี 

วิธีทำคือ เจ้าหน้าที่จะถูชิ้นทองเบาๆลงบนหิน Kasauti เพื่อให้เกิดรอยเส้นสีทองจาง ๆ บนหิน จากนั้นหยดกรดไนตริกลงบนรอยเส้นนั้น หากสีของทองที่ติดกับหินยังคงอยู่ แสดงเป็นทองแท้ แต่หากรอยเส้นหายไป ตัวสีหลุดออก อาจบ่งชี้ได้ว่าเป็นทองปลอม หรือมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน

เมื่อพิสูจน์ได้แล้ว บริษัทจะปล่อยกู้เงิน “สูงสุด 75% ของมูลค่าทอง” คิดดอกเบี้ยราว 1–1.5% ต่อเดือน ซึ่งอัตราต่อปีอาจสูงถึง 19% จากนั้นก็เก็บทองนี้ไว้ในตู้นิรภัยที่เชื่อมกับส่วนกลาง

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง และสิ่งสำคัญคือ “ไม่จำเป็นต้องมีประวัติเครดิต” ทำให้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้คนจำนวนมาก ลูกค้าจะได้รับเครื่องประดับทองที่เป็นมรดกตกทอดคืน เมื่อชำระหนี้คืนแล้ว

“กู้เงินจาก Muthoot ง่ายกว่ามาก” แซนดาร์ช คนขับรถวัย 27 ปีในเมืองเบงกาลูรูกล่าว เขาเคยกู้เงินราว 500,000 รูปี (ราว 1.7 แสนบาท) ในปี 2023 ด้วยการนำทองคำของครอบครัวครึ่งหนึ่งมาเป็นหลักประกัน โดยถูกคิดดอกเบี้ยเดือนละ 1.25% ซึ่ง “ถูกกว่า” อัตราที่ธนาคาร State Bank of India เสนอให้ เงินกู้ดังกล่าวเขานำไปลงทุนเปิดธุรกิจข้าวหมกไก่ แม้ธุรกิจจะล้มเหลวในที่สุด แต่เขาก็สามารถชำระเงินกู้คืนได้ครบถ้วน

เอา 'ทองคำ' ค้ำแล้วรับเงินกู้ไป โมเดลเรียบง่าย 'พาตระกูลรวย 4 แสนล้าน'

- ร้าน Muthoot Finance (ภาพ: Reuters) -

ด้านจอร์จ อเล็กซานเดอร์ มูทูต กรรมการผู้จัดการเล่าว่า บริษัทตั้งใจให้บริการเฉพาะ “ทองที่เคยถูกใช้งานแล้ว” เพราะเครื่องประดับเหล่านี้มีความหมายสำคัญต่อครอบครัว ผู้กู้ตั้งใจจะนำกลับคืนมาเสมอ ความผูกพันทางอารมณ์นี้เอง ทำให้สัดส่วนหนี้เสียต่ำกว่าสินเชื่อรูปแบบอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฐานลูกค้าจะเป็นผู้มีรายได้ไม่สูงก็ตาม ทำให้อัตราหนี้เสียของ Muthoot อยู่เพียงราว 2.3% ใกล้เคียงธนาคารพาณิชย์รายใหญ่

ขณะที่กรณีผิดนัดซึ่งทำให้ต้องนำทองออกประมูล เกิดขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดพอร์ตทั้งหมด

ปัจจุบัน Muthoot Finance ถือทองคำของลูกค้ารวม 209 ตัน มูลค่าเกือบ 28,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 9 แสนล้านบาท ซึ่ง “มากกว่า” ทองคำสำรองอย่างเป็นทางการของสิงคโปร์เสียอีก

ความคลั่งไคล้ทองคำในวัฒนธรรมอินเดีย

ในโลกนี้ แทบไม่มีประเทศใดที่หมกมุ่นอยู่กับทองคำมากเท่าอินเดีย โดย “ครัวเรือนอินเดีย” ถือครองทองคำรวมราว 34,600 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ ตามการประเมินของ Morgan Stanley 

ปริมาณทองมหาศาลในครัวเรือนอินเดียนี้ “มากกว่า” ทองคำที่ธนาคารกลางของสหรัฐ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีนถือครองรวมกันเสียอีก เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า ทองคำได้ฝังรากลึกอยู่ในโครงสร้างวัฒนธรรมอินเดียอย่างแท้จริง

ความผูกพันนี้ปรากฏอย่างโดดเด่นในพิธีกรรมของศาสนาฮินดู เช่น เทศกาล Dhanteras วันที่ผู้คนเชื่อว่า การซื้อทองคำและบูชาพระลักษมี เทวีแห่งความมั่งคั่ง จะนำความรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว ร้านทองทั่วประเทศจึงแน่นขนัด แม้ราคาทองจะสูงเพียงใดก็ตาม 

เช่นเดียวกับ “งานแต่งงาน” นับเป็นอีกช่วงเวลาที่ความต้องการทองคำพุ่งสูงเป็นพิเศษ เจ้าสาวมักถูกประดับด้วยกำไล แหวน สร้อยข้อมือ และสร้อยคอทองคำ หลายชิ้นเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ใช่เพียงเพื่อความงาม แต่เพื่อแสดงสถานะและเป็น “ทุนชีวิต” ที่ติดตัวไปสู่ครอบครัวใหม่

สำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ในแดนภารตะ ทองคำไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม หากยังเป็นสินทรัพย์การเงินระดับครัวเรือนมาอย่างยาวนาน ชาวอินเดียใช้ทองคำเป็น “หลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้” มานับศตวรรษ เพราะทองเป็นทรัพย์สินที่ตรวจสอบมูลค่าได้ง่าย ถือครองได้จริง และสามารถเปลี่ยนเป็นเงินก้อนในยามฉุกเฉินได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติเครดิตหรือหลักฐานทางการเงินซับซ้อนใด ๆ

สำหรับประชากร 1.4 พันล้านคน ปริมาณทองคำที่ถือครองเฉลี่ยต่อคนจึงสูงเกือบ 25 กรัม คิดเป็นมูลค่าราว 3,250 ดอลลาร์ต่อคน ตัวเลขนี้สูงกว่าจีดีพีต่อหัวของอินเดีย ซึ่งมีเพียง 2,820 ดอลลาร์ ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สะท้อนว่า ทองคำคือสินทรัพย์หลักที่แทบทุกครัวเรือนถือครอง ไม่ว่ามีรายได้ระดับใด

เมื่อราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น มูลค่าของเครื่องประดับเหล่านี้ก็เพิ่มตาม ส่งผลให้ลูกค้า “สามารถกู้วงเงินใหญ่ขึ้นโดยอัตโนมัติ” นี่จึงกลายเป็นแรงหนุนโดยตรงต่อผู้ให้กู้ด้วยทองคำ เช่น Muthoot Finance ที่มีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามความต้องการเงินกู้ที่เติบโตไม่หยุด ในช่วงที่ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง

เอา 'ทองคำ' ค้ำแล้วรับเงินกู้ไป โมเดลเรียบง่าย 'พาตระกูลรวย 4 แสนล้าน'

- เครื่องประดับทอง (ภาพ: Reuters) -

ในวันนี้ บริษัทมีแผนจะขยายเครือข่ายสาขากว่า 7,500 แห่ง เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 200 แห่ง โดยเลือกทำเลอยู่ในชุมชนที่ธนาคารใหญ่ไม่ค่อยลงทุน เช่น ย่านรายได้น้อยหรือพื้นที่ชุมชนเมืองเก่า ทำให้เข้าถึงลูกค้ารากหญ้าและชนชั้นกลางตอนล่างได้อย่างแนบแน่นยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นฐานที่ภาคการเงินดั้งเดิมมักละเลย

ตัวอย่างหนึ่งคือสาขาเล็ก ๆ ในย่านศูนย์กลางการเงินของนครมุมไบ ตั้งอยู่บนถนนสายคดเคี้ยวที่เงียบสงบหลังถนนใหญ่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน สองข้างทางเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างและร้านชำเก่าแก่ของครอบครัว ท่ามกลางเสียงล้อรถเข็นขายน้อยหน่าและมะละกอที่จอดเรียงรายอยู่ด้านหน้า 

บรรยากาศแบบนี้อาจดูห่างไกลจากศูนย์การเงินสมัยใหม่ แต่กลับเป็นพื้นที่ที่ผู้คนรู้สึกคุ้นเคย และไว้วางใจมากกว่าอาคารกระจกสูงตระหง่านของธนาคารใหญ่

และนี่เองคือหัวใจของโมเดล Muthoot ธุรกิจที่เติบโตไม่ใช่เพราะความหรูหราหรือเทคโนโลยีล้ำยุค หากแต่เพราะอยู่ใกล้ผู้คน อยู่ในพื้นที่ที่พวกเขาใช้ชีวิตจริง และเข้าใจว่าทองคำเพียงเส้นเดียวในกล่องเครื่องประดับของครอบครัว สามารถเป็นทั้งความทรงจำ และเป็นโอกาสทางการเงินในยามจำเป็นได้พร้อมกัน

อ้างอิง: bloombergreutersmuthoot