ปิดดีล 5 หมื่นล้าน! 'Prada' ซื้อกิจการ 'Versace' เรียบร้อย

ปิดดีล 5 หมื่นล้าน!  'Prada' ซื้อกิจการ 'Versace' เรียบร้อย

'ปราด้า' ปิดดีลเกือบ 5 หมื่นล้าน ซื้อกิจการ 'เวอร์ซาเช' เสร็จสมบูรณ์แล้วหลังตามจีบมาหลายปี รวมแบรนด์ดังแห่งมิลานเข้าสู่อาณาจักรแบรนด์หรูอิตาลีที่นำทัพโดย Prada และ MiuMiu สู้สมรภูมิลักชัวรีกับกลุ่ม LVMH ของฝรั่งเศส

หลังจากที่พยายามมาหลายปีในการคว้า "Versace" แบรนด์หรูจากเมืองมิลานที่มีไตล์อันฉูดฉาดเข้ามาอยู่ในเครือเดียวกัน ในที่สุด "Prada" ก็ประกาศความสำเร็จในสัปดาห์นี้ บริษัทได้ปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ Versace สำเร็จเรียบร้อยแล้ว 

Prada ลงนามในข้อตกลงขั้นสุดท้ายเมื่อเดือนเม.ย. ซื้อ Versace มาจากบริษัท Capri Holdings มูลค่าราว 1.3 พันล้านยูโร (ราว 4.85 หมื่นล้านบาท) หรือประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ Capri เคยซื้อมาที่ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2018

ปิดดีล 5 หมื่นล้าน!  'Prada' ซื้อกิจการ 'Versace' เรียบร้อย

การเข้าซื้อแบรนด์ครั้งนี้จะช่วยขยายพอร์ตโฟลิโอของ Prada ที่นำโดยแบรนด์หลักอย่าง Prada และ Miu Miu ขณะที่บริษัทกำลังเร่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันกับคู่แข่งรายใหญ่จากฝรั่งเศสอย่างเครือ LVMH ของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูอย่าง Dior, Fendi และ Louis Vuitton

Versace ก่อตั้งในปี 1978 โดย Gianni Versace ในเมืองมิลาน เป็นที่รู้จักในสไตล์อันหรูหราและฉูดฉาด ตรงกันข้ามสไตล์มินิมอลของ Prada แบรนด์ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกก่อนที่ผู้ก่อตั้ง Gianni จะถูกยิงเสียชีวิตที่ไมอามีในปี 1997 และขายแบรนด์ให้กับ Capri ไปในปี 2018 

ผสาน Maximalist เข้ากับ Minimalist

ลูกา ซอลกา กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยกลุ่มลักชัวรีของ Sanford C. Bernstein ระบุว่า เสน่ห์ของดีลนี้อยู่ที่การจับคู่ระหว่าง “Prada ที่มีความมินิมอล” กับ “Versace ที่มีความแม็กซิมอล” ซึ่งหมายความว่าสองแบรนด์นี้ไม่ได้แข่งขันกันเองในตลาดลูกค้ากลุ่มเดียวกัน

อย่างไรก็ดี ซอลกาชี้ว่า Versace นั้น “ผ่านจุดรุ่งเรืองสูงสุดมาแล้ว” พร้อมระบุว่าความท้าทายและโอกาสคือการทำให้แบรนด์กลับมามีความหมายอีกครั้ง พวกเขาต้องคิดค้นบางสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์นี้ยังมีความน่าหลงใหลและน่าสนใจ

ปิดดีล 5 หมื่นล้าน!  'Prada' ซื้อกิจการ 'Versace' เรียบร้อย
 

ปิดดีล 5 หมื่นล้าน!  'Prada' ซื้อกิจการ 'Versace' เรียบร้อย

ทางด้าน "ลอเรนโซ แบร์เตลลี" ผู้บริหารของกลุ่ม Prada ซึ่งเป็นบุตรชายของมิวซีอา ปราด้า กับปาตริซิโอ แบร์เตลลี อดีตซีอีโอร่วมของกลุ่ม เปิดเผยกับรอยเตอร์สเมื่อเดือนพ.ย. ว่า เขาจะขึ้นเป็นประธานบริหารของ Versace เมื่อการควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ โดยเขาต้องการดีลนี้มาหลายปีแล้ว

“มีการติดต่อกันตั้งแต่ช่วงโควิด มีการพูดคุยกันก่อนที่ Capri จะขายกิจการให้ Tapestry ด้วยซ้ำ และเมื่อดีลนั้นล้มเพราะปัญหาด้านกฎหมายแข่งขัน เราจึงกลับมาและเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น” แบร์เตลลีกล่าว

แบร์เตลลีซึ่งเป็นผู้ผลักดันดีลนี้อย่างหนักกล่าวว่า Versace ตอบโจทย์ 2 เงื่อนไขสำคัญคือ ความเสี่ยงทางการเงินที่ไม่สูงเกินไป และความคุ้มค่า เนื่องจากแบรนด์อยู่ในกลุ่มที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของโลก และย้ำว่าแบรนด์ Versace ซึ่งมีอายุ 47 ปี ยังมีศักยภาพการเติบโตที่ยังไม่ได้ถูกดึงออกมาอย่างมหาศาล

ก่อนหน้านี้ในเดือนมี.ค. เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนดีลของ Prada จะประกาศอย่างเป็นทางการ "ดอนนาเทลลา เวอร์ซาเช" ซึ่งเป็นน้องสาวของจานนี ได้ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ หลังทำหน้าที่มานานเกือบสามทศวรรษ