‘แพลตฟอร์มบริการด้านบุคลากรเทคโนโลยี ไต้หวัน–ไทย’ เปิดโอกาสคนเก่ง STEM

ไม่ว่าเทคโนโลยีพัฒนาไปมากเพียงใด แม้เอไอใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันแต่ “ทรัพยากรมนุษย์” กลับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า คนเก่งๆ ที่จะใช้เทคโนโลยีล้ำๆ เป็นที่ต้องการของบริษัทเอกชน
KEY
POINTS
- แพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไต้หวัน-ไทย จัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรให้กับผู้ประกอบการไต้หวันที่ลงทุนในไทย
- ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยง จับคู่ความต้องการระหว่างบริษัทกับบุคลากรกลุ่ม STEM ทั้งนักศึกษาและคนทำงาน
- ความต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้นจากการย้ายฐานการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีไต้หวันมาไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ และเซมิคอนดักเตอร์
- มีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรและจัดอบรมบุคลากรให้มีทักษะตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรม
ไม่ว่าเทคโนโลยีพัฒนาไปมากเพียงใด แม้เอไอใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันแต่ “ทรัพยากรมนุษย์” กลับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า คนเก่งๆ ที่จะใช้เทคโนโลยีล้ำๆ เป็นที่ต้องการของบริษัทเอกชน
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวไต้หวันที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยและแก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรและพัฒนาทักษะบุคลากร ปีเตอร์ หลัน ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยได้ประกาศจัดตั้ง “แพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไต้หวัน-ไทย” เพื่อช่วยประสานงานหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างฝ่ายไทย ผู้ประกอบการชาวไต้หวันและภาคส่วนอื่นๆ แก้ไขปัญหาความต้องการด้านบุคลากรของผู้ประกอบการชาวไต้หวัน
"สมาคม บริษัทเอกชน และสถาบันการศึกษาของไทยและไต้หวันได้มองเห็นปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านเทคโนโลยี แต่ละหน่วยงานไม่มีช่องทางติดต่อประสานงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทยได้เห็นถึงความต้องการของผู้ประกอบการไต้หวันในประเทศไทยจึงต้องการบูรณาการสรรพกำลังที่เกี่ยวข้องให้บริการพวกเขา"
- ความสำคัญของไต้หวัน
ปี 2024 ไต้หวันครองอันดับสี่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทย มูลค่าการลงทุนของผู้ประกอบการชาวไต้หวันที่ได้รับอนุมัติให้เข้ามาลงทุนในไทยอยู่ที่ประมาณ 1.538 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ (พีซีบี) มูลค่าการลงทุนสะสมในไทย มีมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ มีผู้ประกอบการชาวไต้หวันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเข้ามาลงทุนบริษัทไทยมากกว่า 60 แห่งและยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดการจ้างแรงงานกว่า 10,000 คน
- ผลกระทบภูมิรัฐศาสตร์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไต้หวันได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานเนื่องจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ จึงได้ย้ายมาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (อุปกรณ์), ปัญญาประดิษฐ์ (การประกอบเซิร์ฟเวอร์) และแผงวงจรพิมพ์ (พีซีบี) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสาขาการลงทุนที่รัฐบาลไทยประสงค์จะดึงดูด อีกทั้งมีมูลค่าการลงทุนสูง การพัฒนาบุคลากรกลายเป็นปัจจัยหลักของผู้ประกอบการชาวไต้หวันในการลงทุนที่ไทย
- การทำงานของแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์มมีฮอตไลน์และอีเมลโดยเฉพาะสำหรับผู้ต้องการและผู้ที่มีบุคลากร สำนักงานฯ จะจัดการความต้องการและอุปทานที่มีให้สอดคล้องต้องกัน
“เราจับมามิกซ์แอนด์แมทช์ว่า โอเค ตรงนี้ขาดคน ตรงนี้มีคน ก็จับมามิกซ์กัน สำนักงานฯ เป็นเหมือนสะพานในการเชื่อมต่อ” หลันกล่าวและว่าแพลตฟอร์มนี้จะให้บริการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมพีซีบีที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตไปถึงปี 2030 หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่จะเติบโตมากกว่านั้น แพลตฟอร์มจึงต้องให้บริการอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มเป้าหมายของแพลตฟอร์มมีทั้งนักเรียนนักศึกษาและคนทำงาน ผู้ต้องการฝึกอบรมแค่แจ้งความประสงค์มา ทางสำนักงานฯ จะให้ข้อมูลว่าตอนนี้ไต้หวันมีหน่วยงานใดบ้างที่จัดฝึกอบรมหรือเวิร์กช็อป ทั้งในรูปแบบออนไซต์ในประเทศไทยและไต้หวัน หรือในรูปแบบออนไลน์
ผอ.หลันกล่าวด้วยว่า บุคลากรที่ไทยขาดอยู่มากคือในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) ขณะที่ผู้ประกอบการไต้หวันในประเทศไทยแจ้งว่า ขาดนักปฏิบัติงาน (operator) ผู้จัดการ (manager) คนที่มีีีความรู้ความสามารถด้านภาษาและพหุวัฒนธรรม
“บางครั้งไทยกับไต้หวันอาจมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน การปฏิบัติต่างกันก็อาจทำให้มีปัญหาขณะทำงาน” หลันกล่าวและเสริมว่า การจัดตั้งแพลตฟอร์มนี้นอกจากจะสอดคล้องกับแนวคิด “การทูตเชิงบูรณาการ” ของหลิน เจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังเป็นการประกาศว่าสำนักงานฯ จะรวบรวมสรรพกำลังของภาครัฐ ภาคสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการชาวไต้หวัน เพื่อหารือเพิ่มเติมกับฝ่ายไทยด้านการพัฒนาบุคลากร
สือ หรู จวี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติผิงตง (NPUST) และผู้ประสานงานศูนย์ความร่วมมือแลกเปลี่ยนบุคลากรนานาชาติไต้หวัน ประจำประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน ได้แนะนำโครงการศึกษาพิเศษเพื่อพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมระหว่างประเทศว่าเป็นโครงการสำคัญมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถด้านภาษาไทยและภาษาจีนป้อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ช่วยออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการชาวไต้หวัน และช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการไทยในการจัดหาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
ผู้ที่สนใจ “แพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไต้หวัน-ไทย” ติดต่อได้ที่อีเมล [email protected] เบอร์โทร 02-119-3555 ต่อ 386
- อนาคตอุตสาหกรรมแผ่นวงจรพิมพ์
คธี หยาง ผู้จัดการอาวุโสสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไต้หวัน (TPCA) เล่าถึงอุตสาหกรรมแผ่นวงจรพิมพ์ในประเทศไทยว่า ในปี 2020-2025 เติบโตทั้งในแง่จำนวนบริษัท ซัพพลายเออร์ มูลค่าการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ว่าจะในไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ล้วนต้องการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้าน STEM
“เมื่อมาสำรวจในประเทศไทยพบว่า ตอนนี้มีบริษัทพีซีบีมาลงทุนในไทยมากกว่า 60 บริษัท ไม่ว่าจะมาตั้งสำนักงาน ตั้งโรงงาน หรือเป็นซัพพลายเออร์มีเป้าหมายทำให้โรงงานของพวกเขาเป็นอัจฉริยะมากขึ้น สร้างมูลค่าได้สูงขึ้น”
จากการสำรวจพบว่า ในปี 2023 สถาบันการศึกษาไทยได้เพิ่มหลักสูตร STEM จาก 31% เป็น 44% เห็นได้ว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมพีซีบีเช่นเดียวกัน สมาคมฯ จึงมาจัดตั้งสถาบันแผ่นวงจรพิมพ์ไต้หวันในไทย นักเรียนมีโอกาสฝึกงานทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีหลักสูตรอบรมออนไลน์ฟรีแปดชั่วโมงสามารถลงทะเบียนเรียนได้







