'แบงก์ชาติอังกฤษ' เตือนอีกรอบ AI บนกองหนี้เสี่ยงพัง ตลาดหุ้นแพงเกินจริง

แบงก์ชาติอังกฤษเตือนรอบใหม่ การลงทุน AI ที่อาศัยกองหนี้พุ่งไม่หยุดกำลังเสี่ยงพัง หากราคาหุ้นเทคที่ถูกดันสูงเกินจริงเกิดปรับฐานอาจลากตลาดการเงินปั่นป่วนทั้งระบบ
ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ออกโรงเตือนล่าสุดในวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า กระแสการทุ่มลงทุนหลายล้านล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อาศัยการก่อ "หนี้" จำนวนมาก กำลังเสี่ยงต่อการพังทลาย เพราะการประเมินราคาหุ้นของบริษัท AI กำลังอยู่ในระดับที่ "สูงเกินจริงอย่างมาก"
หากหุ้นกลุ่ม AI เกิดการปรับตัวลง แรงกระแทกจะลุกลามไปยัง "ตลาดตราสารหนี้" ในวงกว้าง โดยขณะนี้มีสัญญาณเตือนเบื้องต้นแล้วในตลาดสวอปป้องกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ หรือตลาดตราสารอนุพันธ์ CDS (credit default swaps) ของบริษัทที่ต้องก่อหนี้เป็นจำนวนมากเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีนี้
แม้ปัจจุบันเม็ดเงินลงทุนด้าน AI ส่วนใหญ่ยังมาจากเงินสดของกลุ่มบริษัท "ไฮเปอร์สเกล" หรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่แบงก์ชาติอังกฤษคาดการณ์ว่า ราวครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนด้าน AI มูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะต้องพึ่งพาแหล่งทุนจากภายนอก โดยคาดว่าจะเป็นการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ เป็นหลัก
ในรายงานเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีของ แบงก์ชาติอังกฤษ BOE ระบุว่า หากราคาหุ้นเกิดการปรับฐานรุนแรง จะกระทบต่อความมั่งคั่งของครัวเรือนในสหราชอาณาจักรและส่งผลต่อการใช้จ่าย อีกทั้งยังทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องขาดทุนจากการปล่อยกู้แก่บริษัทที่ลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้างโดยนำไปสู่ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจโดยรวมด้วย
คำเตือนนี้นับเป็นสัญญาณล่าสุดอีกครั้งที่สะท้อนความเสี่ยงของฟองสบู่ AI ซึ่ง BOE เคยออกโรงเตือนในทำนองนี้มาก่อนเมื่อเดือนต.ค. ลายฝ่ายเริ่มเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับช่วง "ฟองสบู่ดอทคอม" เมื่อต้นทศวรรษ 2000 ในขณะที่บริษัททั่วโลกกำลังเร่งสร้างดาต้าเซนเตอร์และลงทุนจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการด้าน AI
อย่างไรก็ตาม แอนดรูว์ เบย์ลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า "มีความแตกต่างบางประการจากยุคดอทคอม" เนื่องจากบริษัท AI หลายแห่งในปัจจุบัน "มีกระแสเงินสดเป็นบวกจริงๆ" ไม่ได้อยู่ด้วยความคาดหวังเพียงอย่างเดียว
“บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความหวังล้วนๆ ดังที่เห็นในข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การที่ Google ขยับเข้ามาแข่งขันในพื้นที่ของ Nvidia ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกบริษัทจะเป็นผู้ชนะ และไม่ได้หมายความว่าทุกบริษัทจะชนะในระดับเดียวกัน” เบย์ลีกล่าว
AI บนกองตราสารหนี้และความเสี่ยงต่อระบบ
แบงก์ชาติอังกฤษประเมินว่า AI เป็นแรงขับเคลื่อน 2 ใน 3 ของการปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P 500 ในปีนี้ และเป็นปัจจัยสำคัญเบื้องหลังครึ่งหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในครึ่งแรกของปี 2025
อย่างไรก็ดี “การหาเงินทุนสำหรับการพัฒนา AI กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยน" หากเกิดการขาดทุนจากการปล่อยกู้ด้าน AI อย่างมีนัยสำคัญ ผลกระทบอาจลุกลามไปยังภาวะสินเชื่อโดยรวม รวมถึงในสหราชอาณาจักรด้วย และ BOE ยังระบุด้วยว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI เริ่มออก "ตราสารหนี้" มากขึ้นในช่วงหลัง และมีสัญญาณความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
รายงานยกตัวอย่างว่า ส่วนต่างของสวอป CDS ระยะ 5 ปีของ "Oracle" ซึ่งมีอัตรากำไรจากกระแสเงินสดต่ำกว่าบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่ง และออกตราสารหนี้จำนวนมากในปีนี้เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้ขยายจากระดับต่ำกว่า 40 จุดพื้นฐานเป็นราว 120 จุดพื้นฐานนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. เป็นต้นมา ซึ่งสถานการณ์นี้ผิดกับตลาดตราสารหนี้โดยรวมของบริษัทสหรัฐที่ยังคงทรงตัว
Oracle ซึ่งเป็นผู้นำด้านฐานข้อมูลและคลาวด์ รวมถึงเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Nvidia จึงถูกจับตามองว่าเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงด้าน AI นักลงทุนจำนวนหนึ่งเริ่มเข้าซื้อ CDS ของ Oracle เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการปรับฐาน โดยหวังว่าราคา CDS จะเพิ่มขึ้นเมื่อกระแสการลงทุนในหุ้นเทคผ่อนคลายลง
ด้าน Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกด้วยมูลค่าตลาด 4.37 ล้านล้านดอลลาร์ มีราคาหุ้นพุ่งแรงจากความต้องการชิปประมวลผล AI ที่เติบโตต่อเนื่อง
ตลอดปีที่ผ่านมา Nvidia ทำข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับลูกค้า พันธมิตร และแม้แต่คู่แข่งอย่าง Intel เพื่อสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานด้าน AI ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจกำลัง "ก่อฟองสบู่ AI" เนื่องจากช่วยผลักดัน "ความเชื่อมโยง"ของผู้เล่นรายใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมให้แน่นขึ้น และผลักดันราคาตลาดให้สูงเกินพื้นฐาน







