'แอร์บัส' ยืนยัน A320 ทั่วโลก 6,000 ลำ อัปเดตซอฟต์แวร์เกือบหมดแล้ว

Airbus เร่งแถลงความชัดเจนวันนี้ ยืนยันเครื่อง A320 ส่วนใหญ่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์เกือบหมดแล้ว ไม่มีปัญหา หลังมีข่าวเรียกคืนเครื่องบินครั้งใหญ่จนกระทบการบินทั่วโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ฝูงบินตระกูล A320 ของบริษัท "แอร์บัส" (Airbus) เริ่มกลับสู่การปฏิบัติการตามปกติแล้วในวันจันทร์นี้ (1 ธ.ค.68) หลังแอร์บัสเร่งดำเนินการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างเร่งด่วนได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ท่ามกลางกระแสข่าวด้านความปลอดภัย มีการเรียกคืนเครื่องบินครั้งใหญ่จนกระทบการบินทั่วโลก ซึ่งมักไม่ค่อยเกิดขึ้นกับการบินฝั่งยุโรปเมื่อเทียบกับคู่แข่งฝั่งสหรัฐอย่าง Boeing
สายการบินหลายสิบแห่งตั้งแต่ในเอเชียไปจนถึงสหรัฐระบุว่า ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่ตามคำสั่งเร่งด่วนของ Airbus แล้ว ภายใต้หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก หลังจากพบช่องโหว่ต่อปรากฏการณ์ solar flares ในเหตุการณ์เครื่องบิน JetBlue A320 ลดระดับกลางอากาศเมื่อไม่นานมานี้
ทางด้าน Airbus ระบุในวันนี้ว่า เครื่องบินตระกูล A320 ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศความปลอดภัยนี้ประมาณ 6,000 ลำ ส่วนใหญ่ได้รับการแก้ไขแล้ว เหลือเครื่องบินเพียงไม่ถึง 100 ลำ ที่ยังต้องดำเนินงานเพิ่มเติม โดยเครื่องบินบางส่วนต้องใช้กระบวนการนานกว่า ทำให้บางสายการบิน เช่น Avianca ของโคลอมเบีย ยังคงระงับการเปิดจองตั๋วเครื่องบินไปจนถึงวันที่ 8 ธ.ค.68
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดเผยว่า การตัดสินใจของแอร์บัสซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเรียกตรวจฝูงบิน A320 ประมาณครึ่งหนึ่ง เกิดขึ้นไม่นานหลังจากมีข้อมูลเชื่อมโยงแต่ยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัด กรณีการลดระดับการบินลงอย่างฉับพลันของ JetBlue เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านหุ้นของ Airbus ร่วงลง 2.1% ในช่วงเปิดการซื้อขายเช้าวันจันทร์ที่ปารีส โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.05 น. ตามเวลาในไทย ราคาหุ้นร่วงลงไป 6.97 จุด หรือ 3.41% อยู่ที่ 197.48 ยูโร
การหยุดบินช่วง Thanksgiving
ทั้งนี้ หลังการหารือกับหน่วยงานกำกับดูแล Airbus ได้ออกประกาศเตือนความปลอดภัย 8 หน้าแก่ผู้ประกอบการหลายร้อยรายเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พ.ย.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลเทียบเท่ากับคำสั่งให้หยุดบินชั่วคราว เพราะกำหนดให้ต้องแก้ไขซอฟต์แวร์ก่อนการขึ้นบินครั้งถัดไป
สตีเวน กรีนเวย์ ซีอีโอของ Flyadeal สายการบินต้นทุนต่ำของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวส่งมาราวสามทุ่มตามเวลาในเจดดาห์ แต่การดำเนินการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นไปอย่างรวดเร็วมาก จากปกติที่มักจะมีความซับซ้อนเสมอ
คำสั่งดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเรียกตรวจเครื่องบินอย่างเร่งด่วน "ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์" ของ Airbus และสร้างความกังวลทันทีต่อผลกระทบด้านการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์วันหยุดยาวเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ของสหรัฐ
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมยังระบุว่า การประกาศในวงกว้างดังกล่าวเผยให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่า Airbus ไม่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์อย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับเวอร์ชันซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่ เนื่องจากความล่าช้าในการรายงานจากสายการบิน
ในช่วงแรก สายการบินหลายรายประเมินสถานการณ์ได้ยาก เพราะประกาศเตือนไม่ได้ระบุหมายเลขจำเพาะของเครื่องบินที่ได้รับผลกระทบ โดยผู้โดยสารของ Finnair รายหนึ่งระบุว่า เที่ยวบินต้องดีเลย์จอดแช่อยู่เพื่อรอตรวจสอบ
แต่หลังผ่านไป 24 ชั่วโมง ทีมวิศวกรสามารถระบุเครื่องบินแต่ละลำได้ชัดเจนมากขึ้น สายการบินหลายแห่งลดประมาณการจำนวนเครื่องบินที่ได้รับผลกระทบลง รวมถึงเวลาที่ต้องใช้ในการแก้ไข จากที่ Airbus ประเมินไว้เดิมราว 3 ชั่วโมงต่อเครื่องบินหนึ่งลำ
A320 รุ่นเก่าบางส่วน ต้องเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ใหม่
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมเปิดเผยด้วยว่า ยังคงมีคำถามกับเครื่องบิน A320 รุ่นเก่าๆ ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่รีเซตซอฟต์แวร์ แต่จำนวนเครื่องบินที่เข้าข่ายลดลงจากประมาณการเดิมที่ 1,000 ลำ
ผู้บริหารหลายรายชี้ว่า ความโกลาหลในสุดสัปดาห์นี้สะท้อนการเปลี่ยนวิธีรับมือของอุตสาหกรรม หลังการเกิดวิกฤตการณ์ "Boeing 737 MAX" ซึ่งโบอิงถูกวิจารณ์อย่างหนักในการจัดการรับมืออุบัติเหตุร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากข้อผิดพลาดด้านซอฟต์แวร์
นี่เป็นครั้งแรกที่ Airbus ต้องรับมือกับกระแสด้านความปลอดภัยในระดับโลกเช่นนี้นับตั้งแต่วิกฤติ 737 MAX โดยซีอีโอของแอร์บัส กีย์โยม โฟรี ออกมากล่าวขอโทษต่อสาธารณะ และถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีของอุตสาหกรรมการบินที่โดยปกติมักจะระมัดระวังด้านภาพลักษณ์ ในขณะที่ทางโบอิงก็ประกาศจะเปิดเผยมากขึ้นเช่นกัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







