'อีวีเวียดนาม' Vinfast ขาดทุนยับ 3 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีก่อน

'วินฟาสต์' เปิดเผยตัวเลขไตรมาส 3 ขาดทุนพุ่งทะยาน 24 ล้านล้านดอง แม้ยอดส่งมอบรถจะเพิ่มขึ้นก็ตาม หลังบริษัททุ่มลงทุนหนักเพื่อขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในอาเซียน
"วินฟาสต์" (VinFast) ซึ่งเป็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าในเครือของอาณาจักรวินกรุ๊ป แห่งเวียดนาม รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ขาดทุนสุทธิ เพิ่มขึ้นเป็น 24 ล้านล้านดอง (ราว 3 หมื่นล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากที่ขาดทุน 13.25 ล้านล้านดอง ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ในไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ "ติดลบ 56.2%" เมื่อเทียบกับติดลบ 24% เมื่อปีก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตราการตั้งสำรองค่าการรับประกันที่สูงขึ้น และต้นทุนการขายรถยนต์ต่อคันที่สูงขึ้น
การขาดทุนสุทธิที่พุ่งขึ้นและกำไรขั้นต้นที่ติดลบหนักกว่าเดิม มีขึ้นแม้ว่าบริษัทจะรายงานยอดการส่งมอบรถที่เพิ่มขึ้นก็ตาม โดยบริษัทได้ส่งมอบรถยนต์เกือบ 38,200 คันในไตรมาส 3 ส่งผลให้ยอดรวมปี 2025 อยู่ที่ราว 110,000 คัน เพิ่มขึ้น 149% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดส่งมอบ e-scooter และ e-bike ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่า ในไตรมาสนี้ หลังรัฐบาลกรุงฮานอยประกาศแผนห้ามรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเข้าพื้นที่ใจกลางเมือง ตั้งแต่กลางปี 2026
รายงานดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq สหรัฐ ปรับตัวลงหนักถึง 12% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
การขาดทุนสุทธิที่พุ่งขึ้นมากล่าสุด มีขึ้นหลังค่ายรถยนต์อีวีเวียดนามรายนี้มุ่งเดินหน้าลงทุนจำนวนมากเพื่อขยายฐานธุรกิจและเร่งยอดขาย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท
VinFast ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้สองฉบับระหว่างไตรมาส รวมมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกและขยายธุรกิจในต่างประเทศ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากภาษีศุลกากรและอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม "ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอาจยิ่งกดดันอัตรากำไรของบริษัทที่ยังขาดทุนอยู่" ในช่วงที่วินฟาสต์พยายามลดต้นทุนอย่างมากผ่านการเปลี่ยนไปใช้รูปแบบตัวแทนจำหน่าย (dealership) และเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน
“บริษัทได้เปลี่ยนจุดโฟกัสจากตลาดสหรัฐและยุโรป มาสู่ตลาดเอเชียอื่นๆ แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายแบบเดียวกันในการแข่งขันกับ Tesla และผู้ผลิตอีวีจากจีน โดยราคาจำหน่ายระดับพรีเมียมของ VinFast เป็นอุปสรรคสำคัญ” อิซเบลลา หยาน นักวิเคราะห์จาก Third Bridge กล่าว
ด้านผู้บริหารของบริษัทระบุในการประชุมหลังประกาศผลประกอบการว่า “กลยุทธ์ของบริษัทในไตรมาส 3/2025 ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายรายได้รวม และเสริมว่าในไตรมาส 4 บริษัทคาดว่าจะเห็นสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยแรงหนุนหลักจะมาจาก "อินเดีย" ซึ่งบริษัทเพิ่งเปิดโรงงานไปเมื่อช่วงต้นปีนี้







