ทูตรัสเซียเปิดใจต้องการยุติสงครามให้เร็วที่สุด

ทูตรัสเซียเปิดใจต้องการยุติสงครามให้เร็วที่สุด

ทูตรัสเซียยืนยันต้องการยุติสงครามให้เร็วที่สุด ระบุ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้การไม่เพิ่มความปั่นป่วนย่อมสำคัญยิ่ง อย่าเพิ่มความขัดแย้ง แต่ข่าวจากโลกตะวันตกที่เราเห็นทุกวันคือพวกเขามีแต่จัดหาอาวุธให้ยูเครนเพิ่มขึ้น

ทูตรัสเซียเปิดใจสื่อไทย ชื่นชมรัฐบาลไทยวางตัวเป็นกลาง เข้าใจถึงแรงกดดันจากตะวันตก ยืนยันรัสเซียต้องการยุติสงครามให้เร็วที่สุด 

วานนี้ (15 มี.ค.) นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย แถลงข่าวถึงสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่สถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ระบุ นับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 2534 สงครามเย็นสิ้นสุด องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ให้คำมั่นไม่ขยายอิทธิพล แต่รัสเซียต้องเผชิญกับการขยายตัวของนาโตมาแล้วห้าระลอก รัสเซียเคยเสนอมาตรการรับรองความมั่นคงและเสถียรภาพสำหรับประเทศยุโรปและรัสเซียมาแล้วหลายครั้ง แต่ถูกชาติตะวันตกเพิกเฉยซึ่งรัสเซียทนไม่ได้อีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงท่าทีของรัฐบาลไทยในการลงมติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติวาระพิเศษประณามรัสเซียบุกยูเครนเมื่อต้นเดือน มี.ค. นายโทมิคินกล่าวว่า  รัสเซียเคารพการตัดสินใจของเพื่อน ไม่ได้จัดให้ไทยอยู่ในบัญชีประเทศไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย การดำเนินการทางการทูตของรัสเซียไม่แทรกแซงกิจการภายในและนโยบายต่างประเทศของประเทศอื่น 

"เราเคารพการตัดสินใจของรัฐบาลต่างชาติ เราขอชื่นชมท่าทีอันสมดุลของรัฐบาลไทย ปีนี้เป็นปีสำคัญครบรอบ 125 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เรากำลังหารือกันในข้อตกลงหลากหลายสาขา

เราหารือกันอย่างเปิดเผยและชื่นชมเพื่อนชาวไทยที่พร้อมรับฟังสิ่งที่รัสเซียพูด" 

นายโทมิคินย้ำว่า ในการลงมติดังกล่าวรัสเซียเข้าใจถึงแรงกดดันจากจากชาติตะวันตกโดยเฉพาะจากสหรัฐที่ทำต่อประเทศเล็กกว่า หรือการที่เอกอัครราชทูตชาติยุโรป 25 ประเทศ เดินทางเยือนกระทรวงต่างประเทศเพื่อกดดันรัฐบาลไทยก่อนหน้านี้ 

"นี่ไม่ใช่ความลับ นักการทูตจากประเทศกำลังพัฒนาบอกผมว่ามีแรงกดดันนี้"

ส่วนเรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไทยให้กับยูเครน รัสเซียชื่นชมทุกความพยายามจากทุกประเทศอยู่แล้ว เพราะรัสเซียเองก็ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับชาวยูเครนทุกวัน ถึงขณะนี้ถ้าตนจำไม่ผิดส่งความช่วยเหลือไปกว่า 3,000 ตันส่งไปให้ยูเครน

ก่อนและระหว่างการแถลงข่าวมีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งรวมตัวชุมนุมที่หน้าสถานทูตรัสเซีย นายโทมิคินกล่าวว่า  เจอเรื่องแบบนี้ทุกวัน คนที่มาก็เป็นคนกลุ่มเดิมๆ มาชูธงชาติยูเครน บางคนก็เป็นคนยูเครนจริง แต่บางคนก็มาจากประเทศอื่นที่ไม่ใช่ทั้งยูเครนและรัสเซีย ตนอยากให้เข้าใจว่า รัสเซียมีประชากรกว่า 300 ชาติพันธุ์ เคยมีสงครามระหว่างศาสนา ชาติพันธุ์ 

"เราต้องการคงความกลมกลืนระหว่างชาติพันธุ์ ความกลมกลืนในประเทศ ไม่ยอมให้คนนอกมาทำลาย  เราเห็นความพยายามทำลายความกลมกลืนระหว่างชาติพันธุ์ภายในประเทศของเรา” ทูตรัสเซียกล่าวและว่า  ขณะนี้บรรยากาศทางสังคมในยุโรปเปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียถูกสื่อท้องถิ่นและผู้คนเกลียดชังไปหมด คนที่ไม่เคยมารัสเซียก็พลอยเกลียดรัสเซียไปด้วย เช่น ไม่อนุญาตให้นักดนตรีและนักแต่งเพลงชาวรัสเซียแสดงนี่คือการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเชื้อชาติ

นักศึกษารัสเซียไม่ได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยตะวันตกโดยไม่มีการชดเชยใช้ รัฐบาลตะวันตกยึดทรัพย์สินของชาวรัสเซีย ก่อนหน้านี้พวกเขาหลายคนเคยคิดว่า สิทธิในทรัพย์สินในโลกตะวันตกจะไม่ถูกแตะต้อง แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปภาคธุรกิจจากหลายประเทศรวมทั้งจากเอเชียเริ่มคิดเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินในตะวันตก ซึ่งนี่จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม แม้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นรัสเซียยังไม่ออกมาตรการคว่ำบาตรของตนเองมาตอบโต้ชาติตะวันตก  ยังคงจัดหาทรัพยากรธรรมชาติเต็มที่ตามสัญญา ส่วนสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรต้องรอดู คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เราอดทนกับนโยบายเลือกปฏิบัติของชาติตะวันตกแบบนี้

สำหรับคำถามที่ว่ามีรายงานมากมายรวมทั้งจากยูนิเซฟถึงการโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าทำให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมาก ทูตรัสเซียตั้งคำถามกลับว่า แปดปีที่ผ่านมาองค์การระหว่างประเทศรวมทั้งยูนิเซฟอยู่ที่ไหนตอนที่พลเรือนในเขตดอนบาสโดนยิงถล่ม แต่กลับไม่มีใครพูดถึงเลย ปฏิบัติการทหารของรัสเซียในยูเครนไม่ได้ทำกับพลเรือน เป้าหมายหลักคือทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร

“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า กองทัพรัสเซียไม่ได้ยิงถล่มเมือง ไม่ได้ยิงถล่มสาธารณูปโภค ไม่ได้ถล่มย่านที่อยู่อาศัย แต่ไม่ง่ายเลยเมื่อกองกำลังติดอาวุธยูเครนซ่อนตัวอยู่หลังพลเรือน เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พลเรือนยูเครนเสียชีวิต”

สิ่งที่ทั่วโลกกังวลคือเมื่อใดสงครามจะจบ หรือจะบานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่ ทูตรัสเซียย้ำว่า ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ไปไกลถึงขนาดสงครามโลกครั้งที่ 3 ประธานาธิบดีสหรัฐ ผู้นำตะวันตก แม้แต่ประธานาธิบดีรัสเซียล้วนเข้าใจดีว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 คือสงครามโลกครั้งสุดท้ายสำหรับมวลมนุษยชาติ จุดยืนของรัสเซียคือต้องการยุติสงครามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ สงครามครั้งนี้ไม่ได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. แต่เริ่มขึ้นเมื่อแปดปีก่อนเป็นอย่างน้อย เมื่อรัฐบาลเคียฟยิงถล่มภูมิภาคดอนบาส แนวทางของรัสเซียคือใช้ความพยายามสูงสุดเพื่อยุติสงครามโดยเร็วที่สุด

“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้การไม่เพิ่มความปั่นป่วนย่อมสำคัญยิ่ง อย่าเพิ่มความขัดแย้ง แต่ข่าวจากโลกตะวันตกที่เราเห็นทุกวันคือพวกเขามีแต่จัดหาอาวุธให้ยูเครนเพิ่มขึ้น”

ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงขึ้นทุกขณะ อุปทานจากรัสเซียเป็นสิ่งที่หลายคนจับตา ทูตกล่าวว่า รัสเซียไม่เคยหยุดส่งน้ำมันและก๊าซไปให้ยุโรป ท่อก๊าซและน้ำมันยังทำงานตามปกติแม้รัสเซียถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ รัสเซียให้ความสำคัญสูงสุดกับการปฏิบัติตามพันธะสัญญาตามที่ลงนามกันระหว่างบริษัทรัสเซียและตะวันตก

ทั้งนี้ รัสเซียเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนว่า  “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” มาโดยตลอดขณะที่คนอื่นๆ เรียก “สงคราม” ทูตอธิบายถึงความแตกต่างว่า ตอนที่สหรัฐเข้าไปในอัฟกานิสถานก็ไม่ได้ประกาศสงคราม ยูเครนพูดถึงสงครามแต่ไม่เคยประกาศสงครามกับรัสเซีย เป้าประสงค์หลักของปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ของรัสเซียคือทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารเพื่อทำให้ยูเครนเป็นกลาง ไม่เหมือนนาโตที่ใช้สปริงบอร์ดเข้าหารัสเซีย 

"ผมจึงไม่คิดว่านี่คือสงคราม ประธานาธิบดีปูตินและรัฐมนตรีกลาโหมก็ย้ำมาตลอดว่าทำไมถึงเรียกว่า  ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร”

กรณีนักท่องเที่ยวรัสเซียที่ติดอยู่ในประเทศไทย ทูตกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศ  กระทรวงการท่องเที่ยว ทางการท้องถิ่น และสมาคมท่องเที่ยวที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรัสเซีย สถานทูตประสานหน่วยงานทั้งของไทยและรัสเซียจัดหาเที่ยวบินและรวบรวมข้อมูลเพื่อต่อวีซาให้อยู่ในไทยได้ต่อไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย