ลามสงครามการค้า!สหรัฐจับมือพันธมิตรถอดสถานะพิเศษทางการค้ารัสเซีย

ลามสงครามการค้า!สหรัฐจับมือพันธมิตรถอดสถานะพิเศษทางการค้ารัสเซีย

สหรัฐและชาติพันธมิตร สร้างแรงกดดันรัสเซียเพิ่มด้วยการเพิกถอนสถานะพิเศษทางการค้าที่มอบให้รัสเซีย ขณะรัสเซียเผยรายชื่อสินค้าที่ห้ามส่งออกและนำเข้ากับ 48 ประเทศ เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตร

 สื่อทั่วโลกรายงานว่า สหรัฐ ชาติสมาชิกกลุ่มจี 7 และสหภาพยุโรป(อียู) ประกาศยกเลิกสถานะชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่งแก่รัสเซีย  โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เพิกถอนสถานะความสัมพันธ์ระดับปกติถาวรต่อรัสเซียในวันศุกร์(11มี.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น

หลังการประกาศของไบเดน รัฐสภาสหรัฐต้องผ่านกฎหมายเพื่อตัดความสัมพันธ์การค้าระดับปกติกับรัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้า และปูทางให้สหรัฐสามารถเพิ่มกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากรัสเซียได้เต็มที่

การเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการยกระดับมาตรการกดดันต่อรัสเซีย เพื่อให้ยุติสงครามในยูเครน ที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 และเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2

สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าในปี 2562 รัสเซียเป็นชาติคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 26 ของสหรัฐ  มีมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศรวมกันเกือบ 28,000 ล้านดอลลาร์ และสินค้านำเข้าจากรัสเซียอันดับต้น ๆ คือ เชื้อเพลิงแร่ธาตุ, โลหะและหินมีค่า, เหล็กและเหล็กกล้า, ปุ๋ยและสารประกอบอนินทรีย์ 

เมื่อวันอังคาร (8มี.ค.) ประธานาธิบดีไบเดน ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานทุกชนิดจากรัสเซียให้มีผลทันที หลังจากสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตร ระบบการเงิน ภาคธุรกิจ และนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลของรัสเซีย

แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี(10มี.ค.)ว่า มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อรัสเซีย จะส่งผลกระทบต่อประเทศเหล่านั้นด้วย ซึ่งจะทำให้ราคาพลังงานและอาหารพุ่งสูงขึ้น ขณะที่รัสเซียสามารถรับมือกับการคว่ำบาตรและจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากปูตินลงนามในประกาศค่ำสั่งออกมาตรการพิเศษทางเศรษฐกิจเมื่อวันอังคาร เพื่อห้ามส่งออกและนำเข้าสินค้าบางชนิดต่อบางประเทศจนถึงสิ้นปีนี้ 

สินค้าที่ถูกระงับการส่งออกมีจำนวนกว่า 200 รายการ มีทั้งโทรคมนาคม การแพทย์ ยานยนต์ เกษตรกรรม อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์เทคโนโลยี ไม้แปรรูป ตู้ขบวนรถไฟ คอนเทนเนอร์ และอื่น ๆ  ส่วนประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้มี 48 ประเทศรวมทั้ง สหรัฐ และบรรดาประเทศสมาชิกในอียู