ดาวโจนส์ดิ่ง 112 จุดกังวลสงครามยืดเยื้อหลังรัสเซีย-ยูเครนเจรจาล้มเหลว

ดาวโจนส์ดิ่ง 112 จุดกังวลสงครามยืดเยื้อหลังรัสเซีย-ยูเครนเจรจาล้มเหลว

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(10มี.ค.)ร่วงลง 112 จุด หลังการเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 112.18 จุด ปิดที่  33,174.07 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.4% ปิดที่ 4,259.52 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 1%  ปิดที่ 13,129.96 จุด  

การประชุมระหว่างนายลาฟรอฟและนายคูเลบาซึ่งจัดขึ้นที่ตุรกีในวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หรือการกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศแต่อย่างใด

"เราได้หารือกันเกี่ยวกับการหยุดยิงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยการเจรจาเป็นไปอย่างยากลำบาก" นายคูเลบากล่าวในการแถลงข่าว

นายคูเลบายังแสดงความผิดหวังต่อการที่นายลาฟรอฟได้เข้าร่วมการเจรจา แต่ไม่มีอำนาจในการทำข้อตกลงหยุดยิง

"ดูเหมือนว่ามีผู้ที่อยู่ในรัสเซียกำลังบงการการตัดสินใจดังกล่าว" เขากล่าว

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.8%

นอกจากนี้ ดัชนีซีพีไอเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7%

ขณะเดียวกัน ดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525 สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีซีพีไอพื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.5% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 217,000 ราย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%