รัสเซียขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 10.5% รับมือถูกคว่ำบาตร

รัสเซียขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 10.5% รับมือถูกคว่ำบาตร

ธนาคารกลางรัสเซียขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 9.5% เป็น 20% สกัดเงินเฟ้อ รับรูเบิลดิ่ง หลังถูกตะวันตกรุมคว่ำบาตรกรณีรุกรานยูเครน ยูเอ็นเรียกสมาชิกทั้ง 193 ชาติหารือวาระพิเศษ

ธนาคารกลางรัสเซียแถลงวานนี้ (28 ก.พ.) คณะกรรมการบริหารตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 20% ถือเป็นมาตรการฉุกเฉินเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจรัสเซียเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเปิดให้ธนาคารกลางดูแลการเงินและเงินเฟ้อได้อย่างมีเสถียรภาพ พร้อมคุ้มครองเงินฝากของประชาชนไม่ให้อ่อนค่า

ด้านค่าเงินรูเบิลดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมหาอำนาจโลกออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่รุนแรงยิ่งขึ้น เปิดตลาดวานนี้ลงไปอยู่ที่ 90 รูเบิลต่อดอลลาร์ และ 101.19 รูเบิลต่อยูโร นอกจากนี้ธนาคารกลางยังประกาศมาตรการภาคบังคับให้บริษัทในรัสเซียที่ได้รับเงินตราต่างประเทศจากการส่งออก ขายเงินต่างชาติได้ 80% ของรายได้

ส่วนสหรัฐที่คว่ำบาตรรัสเซียหลายมาตรการแล้ว พุ่งเป้าธนาคารกลาง ธนาคารใหญ่ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินและอื่นๆ พร้อมเผยว่ากำลังพิจารณาคว่ำบาตรเพิ่มอีก สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานแนวทางที่อาจเป็นไปได้ดังนี้
 

คว่ำบาตรธนาคารและรัฐวิสาหกิจหนักขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐเผยเมื่อวันเสาร์ (26 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐหมายตาสถาบันการเงินใหญ่สุดของประเทศทั้ง10 แห่งที่ถือครองสินทรัพย์รวมในภาคธนาคารของรัสเซียเกือบ 80% ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสหรัฐสามารถลงโทษสถาบันการเงินที่ถูกเล่นงานอยู่แล้วให้หนักขึ้นได้อีก และขยายมาตรการลงโทษไปถึงธนาคารรัสเซียแห่งอื่นๆ ได้

สัปดาห์ก่อนสหรัฐกล่าวว่า ธนาคารสหรัฐจะต้องตัดสัมพันธ์ผ่านตัวแทนกับสเบอร์แบงก์ ธนาคารใหญ่สุดของรัสเซียแต่ไม่ได้อายัดสินทรัพย์

พร้อมกันนั้นก็ขยายการควบคุมชาวอเมริกันซื้อพันธบัตรหรือหุ้นในรัฐวิสาหกิจรัสเซีย ครอบคลุม 13 บริษัท เช่น แก๊ซพรอมแบงก์ ธนาคารเพื่อการเกษตรรัสเซีย และบริษัทแก๊ซพรอม หากสหรัฐจะเล่นงานบริษัทเหล่านี้เพิ่มอีกอาจใช้เครื่องมือคว่ำบาตรอันทรงพลังที่สุด จัดให้เข้าไปอยู่ในบัญชีถูกจับตามอง มีผลให้ถูกตัดออกจากระบบธนาคารสหรัฐทันที ห้ามชาวอเมริกันค้าขายด้วย และสินทรัพย์ในสหรัฐถูกยึด
 

นายเอ็ดเวิร์ด ฟิชแมน ที่เคยทำงานคว่ำบาตรรัสเซียที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐสมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวว่า สหรัฐอาจพุ่งเป้ารัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ในภาคส่วนอื่นด้วย โดยเฉพาะภาคพลังงานอย่างรอสเนฟต์ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ หรือผู้ผลิตก๊าซ “ก๊าซพรอม”รัฐวิสาหกิจในภาคส่วนอื่นอย่างเหมืองแร่ เหล็ก แร่ธาตุ และขนส่ง อาจโดนสหรัฐคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน

พลังงาน

สัปดาห์ก่อนเยอรมนีประกาศระงับท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 2 มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ที่มีศักยภาพส่งก๊าซจากรัสเซียสู่เยอรมนีเพิ่มเป็นสองเท่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ล็อบบีอย่างหนักให้เยอรมนียุติโครงการนี้

นอกเหนือไปจากนี้สหรัฐยังไม่คว่ำบาตรรุนแรงต่อภาคพลังงานรัสเซีย แต่ทำเนียบขาวระบุว่า ยังอยู่ในตัวเลือกที่กำลังพิจารณา

ทั้งนี้ รัฐบาลไบเดนกังวลว่า หากคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียอาจทำให้ราคาน้ำมันและพลังงานที่สูงอยู่แล้วสูงขึ้นอีกจึงพยายามหาทางเลี่ยง เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ตอนสหรัฐประกาศคว่ำบาตรธนาคารใหญ่รัสเซียยังอนุญาตให้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานต่อไปได้

จำกัดระบบสวิฟต์

เมื่อวันเสาร์ สหรัฐและพันธมิตรตัดธนาคารรัสเซียบางแห่งออกจากระบบชำระเงินระหว่างประเทศ “สวิฟต์” ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีธนาคารใดบ้าง แต่สหรัฐและพันธมิตรอาจออกข้อจำกัดเพิ่มอีกและตัดธนาคารรัสเซียทุกแห่งออกจากสวิฟต์เลยก็ได้

ลงโทษทางการเงิน-ห้ามลงทุน

นายไบรอัน โอทูล อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ในกลุ่มคลังสมองแอตแลนติกเคาน์ซิลกล่าวว่า สหรัฐอาจออกคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามชาวอเมริกันส่งออกหรือนำเข้าสินค้า บริการ หรือเทคโนโลยีจากรัสเซีย เหมือนที่สหรัฐทำกับอิหร่านและอาจห้ามลงทุนซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจรัสเซีย แต่ก็ยากจะปฏิบัติเนื่องจากเป็นการห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันธนาคารและบริษัทสหรัฐเข้าไปลงทุนในรัสเซียด้วย

ผู้มีอำนาจ

สหรัฐและพันธมิตรจะตั้งคณะทำงาน “ระบุตัว หาตัว และอายัดทรัพย์สินผู้มีอำนาจและบริษัทรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร เรือยอชท์ คฤหาสน์ เงินหรือสิ่งของใดๆ ที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายที่หาเจอจะถูกอายัดทั้งหมด”

คว่ำบาตรระดับสอง

สหรัฐอาจระบุบริษัทหรือบุคคลรัสเซียที่ต้องถูกคว่ำบาตรระดับสอง ใครทำธุรกิจกับบริษัทหรือบุคคลดังกล่าวต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

สมัชชายูเอ็นเรียกประชุมนัดพิเศษ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่นนิวยอร์ก สหประชาชาติ (ยูเอ็น) จัดประชุมสมัชชาใหญ่ (ยูเอ็นจีเอ) ทั้ง 193 ชาติในวาระพิเศษ ซึ่งไม่ค่อยมีขึ้นบ่อยนักครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 ในประวัติศาสตร์ยูเอ็น

นักการทูตหลายคนกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังถือเป็นมาตรวัดประชาธิปไตยของโลกที่อารมณ์เผด็จการเพิ่มขึ้นทุกขณะโดยยกตัวอย่างรัฐบาลเมียนมา, ซูดาน, มาลี, บูร์กินาฟาโซ, เวเนซุเอลา, นิการากัว, และรัสเซีย

นักการทูตอาวุโสรายหนึ่งเผยกับเอเอฟพีว่า ถ้ารัฐบาลมอสโกได้ชัยชนะในยูเครน ระเบียบระหว่างประเทศ อาจ “เปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์” ตอกย้ำถึงห้วงเวลาสำคัญของยูเอ็นที่มีหน้าที่ดูแลสันติภาพและความมั่นคงโลก

ส่วนการลงมติข้อมติสหประชาชาติจะมีขึ้นในวันอังคาร (1 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่ามีสมาชิกลงมติเห็นชอบเกิน 100 ประเทศ ขณะที่ประเทศอย่างซีเรีย จีน คิวบา และอินเดียอาจลงมติสนับสนุนรัสเซียหรืองดออกเสียง

“ประเทศไทย”เลือกข้างยูเอ็น หนุนแก้ไขอย่างสันติ

สำหรับไทย เจ้าหน้าที่การทูตอาวุโสรายหนึ่งเผยกับกรุงเทพธุรกิจ เชื่อว่า การแสดงท่าทีของประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะไม่นำพาประเทศไทยไปสู่จุดต้องเลือกข้าง แม้จะต้องเลือก ไทยก็จะเลือกอยู่ข้างสหประชาชาติที่มุ่งแสวงหาการแก้ไขปัญหาผ่านการหารืออย่างสันติในเวลานี้ ประเทศไทยมีแถลงการณ์ต่อสถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนแล้ว 3 ฉบับ ได้แก่ 1.แถลงการณ์ในนามอาเซียน 2.แถลงการณ์ในนามประเทศ และ 3.แถลงการณ์ของผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

แถลงการณ์ทั้งหมดนี้ ล้วนยึดมั่นแนวทางการสนับสนุนความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการหาข้อตกลงอย่างสันติที่มีต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ผ่านการเจรจาตามกฎบัตรแห่งสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยึดถือหลักการของอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน นอกจากนี้ไทยสนับสนุนการเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติในการระงับข้อพิพาทโดยสันติตามข้อตกลงมินสก์ (Minsk Ageement) ตลอดจนความพยายามของสหประชาชาติและกลไกระดับภูมิภาค รวมทั้ง OSCE และการประชุมสุดยอดวาระฉุกเฉินของกลุ่มนอร์มังดี ฟอร์แมท(Normandy Format)เพื่อลดความตึงเครียดและค้นหาแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน