เปิดศักยภาพกองทัพรัสเซียบุก'ยูเครน'

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสมีกำหนดหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียที่กรุงมอสโกในวันนี้ (7 ก.พ.) ขณะที่นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ของเยอรมนีมุ่งหน้าไปกรุงวอชิงตัน พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ในวันนี้เช่นกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก สาธารณรัฐสโลวัก และออสเตรียจะไปเยือนกรุงเคียฟของยูเครนด้วย

ทางการสหรัฐกล่าวว่า รัสเซียระดมกำลังพล 110,000 นายตามแนวชายแดนยูเครน แต่การประเมินของหน่วยข่าวกรองยังไม่ชี้ชัดว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินตัดสินใจบุกเพื่อนบ้านโปรตะวันตกรายนี้จริงหรือไม่ กล่าวเพียงว่ารัสเซียเดินหน้ารวมกำลังพลครั้งใหญ่สำหรับการบุกเต็มรูปแบบราว 150,000 นายภายในกลางเดือน ก.พ. ซึ่งกำลังพลขนาดนี้สามารถยึดกรุงเคียฟของยูเครนได้ภายใน 48 ชั่วโมง การโจมตีจะสังหารพลเรือนมากถึง 50,000 คน ทหารยูเครน 25,000 นาย ทหารรัสเซีย 10,000 นาย ทำให้เกิดผู้ลี้ภัยถึง 5 ล้านคน ส่วนใหญ่จะเข้าสู่โปแลนด์

นอกเหนือจากความเสียหายต่อมนุษย์แล้ว ยูเครนเกรงว่าเศรษฐกิจที่เสียหายอยู่แล้วจะย่ำแย่หนักลงไปอีก และถ้ามอสโกโจมตียูเครนจริงก็จะเจอการตอบโต้เรื่องท่อก๊าซนอร์ดสตรีม2 ที่ส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปเยอรมนีสองเท่า ซึ่งรัฐบาลเบอร์ลินขู่ว่าจะไม่ยอมให้รัสเซียใช้ท่อก๊าซนี้

สิ่งที่รัสเซียต้องการคือคำรับรองจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า จะไม่รับยูเครนเป็นพันธมิตร และนาโตต้องถอนกองกำลังออกจากรัฐสมาชิกในยุโรปตะวันออก ที่ผ่านมารัฐบาลมอสโกปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้มีแผนบุกยูเครน ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนเองก็กล่าวว่า โอกาสแก้วิกฤติด้วยการทูตยังสูงมากกว่าเหตุการณ์เสี่ยงบานปลาย

ดิมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ทวีตข้อความบรรเทาความตึงเครียด “อย่าไปเชื่อคำทำนายร้ายๆต่างเมืองหลวงต่างซีนาริโอ แต่ยูเครนพร้อมรับทุกสถานการณ์”