ไอเอ็มเอฟเตือนแบงก์ชาติอิสราเอลควรคุมเข้มนโยบายการเงินหากเงินเฟ้อพุ่ง

ไอเอ็มเอฟเตือนแบงก์ชาติอิสราเอลควรคุมเข้มนโยบายการเงินหากเงินเฟ้อพุ่ง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ธนาคารกลางอิสราเอลควรจะเตรียมเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและลดการแทรกแซงการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงรุนแรงขึ้นอีก

 แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ยังมีช่องว่างให้รัฐบาลอิสราเอลขึ้นภาษี ขณะเดียวกันก็แนะนำให้ใช้จ่ายเงินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อของอิสราเอลอยู่ที่ 2.8% ในปี 2564 ซึ่งอยู่ภายในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% และอยู่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศตะวันตกจำนวนมาก แต่ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การเพิ่มราคาบริการ กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และการเพิ่มค่าแรงในบางภาคส่วน "แสดงให้เห็นถึงสัญญาณสำคัญของแรงกดดันเงินเฟ้อที่แฝงอยู่"

ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า "หากแรงกดดันที่แฝงอยู่ในระดับสูงมีความชัดเจนมากขึ้น ธนาคารกลางอิสราเอลควรจะพร้อมคุมเข้มนโยบายการเงิน"

อิวา คราสเตวา เปโตรวา หัวหน้าผู้แทนไอเอ็มเอฟประจำอิสราเอลให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ภายในกรอบเป้าหมาย ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินในตอนนี้ แต่ธนาคารกลางก็ควรระมัดระวังและเตรียมความพร้อม นอกจากนี้ เธอยังแสดงความกังวลถึงเรื่องราคาบ้านที่สูงขึ้นด้วย

ด้านไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอิสราเอลจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภค การลงทุน และการส่งออก หลังจากที่เติบโต 6.5% ในปี 2564

ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อาจเป็นภัยคุกคามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันสภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ทำให้รายได้รัฐบาลลดลง และเพิ่มต้นทุนเงินทุน