สัมพันธ์ยังตึงเครียด!สหรัฐระงับ44เที่ยวบินจีน

สัมพันธ์ยังตึงเครียด!สหรัฐระงับ44เที่ยวบินจีน

รัฐบาลสหรัฐสั่งระงับเที่ยวบินจีน 44 เที่ยวบินจาก 4 สายการบิน ตอบโต้หลังปักกิ่ง ระงับเที่ยวบินจากสหรัฐ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะท้อนความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ยังไม่ชื่นมื่น

 สายการบินจีนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งระงับเที่ยวบินของรัฐบาลสหรัฐครั้งนี้ รวมถึงสายการบินไชนา อิสเทิร์น แอร์ไลน์ และการระงับเที่ยวบินครั้งนี้จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการวันที่ 30 ม.ค.ด้วยสายการบินเซี๊ยะเหมิน แอร์ไลน์ ที่มีกำหนดบินเข้านครลอสแองเจลิส โดยระงับเที่ยวบินไปจนถึงวันที่ 29 มี.ค.

คำสั่งระงับเที่ยวบินของทางการสหรัฐยังส่งผลให้เที่ยวบินต่างๆของสายการบินจีน รวมทั้งสายการบินแอร์ ไชนา ไชนา เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ต้องลดเที่ยวบินเข้าสหรัฐด้วย

การเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐ มีขึ้นหลังทางการจีนสั่งยกเลิกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากสหรัฐกว่า 24 เที่ยวตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากตรวจพบว่าผู้โดยสารหลายรายติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางถึงประเทศจีน

การตอบโต้กันไปมาด้วยการระงับเที่ยวบินของแต่ละฝ่าย มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะยกเลิกมาตรการทางภาษีที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บังคับใช้กับจีน

ปธน.ไบเดน ระบุว่า นางแคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) กำลังดำเนินการในประเด็นนี้ พร้อมเสริมว่า เขายังไม่มั่นใจถึงความเป็นไปได้ของการผ่อนปรนภาษี ขณะที่สหรัฐพยายามสร้างความมั่นใจว่า จีนจะรักษาข้อตกลงการค้าทวิภาคีที่ลงนามเมื่อปี 2563

ปธน.ไบเดนกล่าวว่า "ผมอยากจะอยู่ในจุดที่สามารถพูดได้ว่าพวกเขากำลังทำตามคำสัญญา หรือทำมากกว่านั้น และสามารถยกเลิกการเก็บภาษีบางส่วนได้ แต่เรายังไม่ได้อยู่ในจุดนั้น"

ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกนั้น จีนได้ตกลงที่จะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นจากปี 2560 อย่างน้อย 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2563-2564 ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลทางการค้ากับจีนได้

ข้อมูลระบุว่า ในปี 2564 จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์กับสหรัฐ เนื่องจากชาวอเมริกันต้องการสินค้าที่ผลิตในจีนตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปจนถึงจักรยาน

ยุทธศาสตร์ใหม่ต่อจีนของปธน.ไบเดน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถูกเลื่อนออกไป และจนถึงตอนนี้ ไบเดนยังคงรักษานโยบายของคณะบริหารอดีตปธน.ทรัมป์ไว้เป็นส่วนใหญ่ พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำจีนชี้แจงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง