'ไบเดน' หนุนเฟดคุมเข้มนโยบายการเงิน สกัดเงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ

'ไบเดน' หนุนเฟดคุมเข้มนโยบายการเงิน สกัดเงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวว่า เขาสนับสนุนแผนการของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน และลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่เฟดได้นำมาใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19

ปธน.ไบเดนกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐว่า "การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญกับความซับซ้อนอย่างมาก ซึ่งรวมถึงการทำให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ประชาชนมองเห็นหลักฐานเหล่านี้ได้จากราคาในสถานบริการน้ำมัน ร้านค้าปลีก และอื่น ๆ "

"เฟดใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ในช่วงวิกฤตมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปี และเมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจของเราที่ยังคงแข็งแกร่งและราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้นในขณะนี้ ผมคิดว่าเป็นการเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับนโยบายการเงินตามที่นายพาวเวลได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้" ปธน.ไบเดนกล่าว

ถ้อยแถลงของปธน.ไบเดนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินทั่วโลกคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นในเชิงสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ว่า "ดิฉันคิดว่าเฟดอยู่ในสถานะที่พร้อมจะปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยเราจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีที่โครงการ QE ยุติลง"

คำกล่าวของนางเบรนาร์ดถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ เนื่องจากคณะกรรมการเฟดได้ประกาศไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565

โดยการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. 2565