เปิดแผนฟื้นศก.อินโดนีเซีย-ควบรวมบ.'ท่องเที่ยว-อาหาร'

เปิดแผนฟื้นศก.อินโดนีเซีย-ควบรวมบ.'ท่องเที่ยว-อาหาร'

รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเร่งฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการผนวกและควบรวมรัฐวิสาหกิจสำคัญๆในประเทศ พร้อมวางแผนทำไอพีโอรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ ประเดิมควบรวมกิจการด้านการท่องเที่ยวและอาหารเป็นกลุ่มแรก

เว็บไซต์นิกเคอิ รายงานอ้างแถลงการณ์จากกระทรวงกิจการของรัฐบาลอินโดนีเซียที่ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงฯกำลังผลักดันให้มีการควบรวมกิจการและนำหุ้นออกขายแก่สาธารณชนครั้งแรก หรือไอพีโอภายในปีนี้ในรัฐวิสาหกิจประเภทต่างๆตั้งแต่อาหาร การท่องเที่ยวไปจนถึง น้ำมันดิบและพลังงานจากใต้พิภพ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลอินโดนีเซีย เปิดตัวรัฐวิสาหกิจรายใหม่ 2แห่ง คือ  InJourney และ ID Food โดย 

InJourney ปัจจุบันดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึง บริษัทอังคาซา พูรา 1 และ2 ที่บริหารสนามบิน และเครือข่ายโรงแรมทั่วประเทศ 120 แห่ง ส่วน ID Food มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารในเครือหลายแห่ง

แต่เดิมนั้น InJourney ที่มีสายการบินการูดา อินโดนีเซียเป็นบริษัทในเครือวางแผนที่จะทำไอพีโอแต่ต้องระงับแผนนี้ไว้ก่อน เนื่องจากปัญหาทางการเงินของสายการบินการูดา

“การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอาหารเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีความแข็งแกร่งขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและบริหารธุรกิจอย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้น”ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวในโอกาสเปิดตัวบริษัท InJourney

ประธานาธิบดีวิโดโด ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพี  หรือการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบรายการยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี20 จะเป็นโอกาสทองของปีนี้ที่จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศและยิ่งรัฐวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวควบรวมกิจการกันแล้วยิ่งอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ

ผู้นำอินโดนีเซียยังกล่าวด้วยว่าเป้าหมายไม่ใช่แค่กระตุ้นให้บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในอินโดนีเซียเท่านั้นแต่กระตุ้นให้ชาวอินโดนีเซียทั่วประเทศออกมาท่องเที่ยวและใช้จ่ายเงินไปกับการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นแทนที่จะเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม แผนการอันทะเยอทะยานของประธานาธิบดีวิโดโดมีขึ้นในช่วงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติกลางของรัฐบาลระบุว่า ในปี2563  มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียงแค่ 4 ล้านคนเท่านั้นที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในอินโดนีเซีย ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 75% ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลกใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเดินทาง

และในช่วงเวลาเดียวกัน ยอดการเดินทางภายในประเทศของอินโดนีเซียก็ลดลงด้วยเช่นกัน โดยลดลง 28% เหลือ 518 ล้านคน รวมทั้งการเดินทางทางบก ทางทะเลและทางอากาศ

“ตลาดท่องเที่ยวในประเทศของเราเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีศักยภาพ อย่าปล่อยให้ประเทศอื่นชิงผลประโยชน์ในส่วนนี้จากเราไป”ประธานาธิบดีวิโดโด กล่าว

นอกจากผนวกและควบรวมกิจการรัฐวิสาหกิจแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังเร่งผลักดันให้รัฐวิสาหกิจในประเทศทำไอพีโอด้วย โดยเมื่อเดือนที่แล้ว  ทางการประกาศว่าเปอร์ตามินา จีโอเทอร์มัล อีเนอร์ยี ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านพลังงานจากใต้พิภพในเครือบริษัทเปอร์ตามินา จะทำไอพีโอในไตรมาส2ของปีนี้    

การเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มีขึ้นหลังจาก“ดายามิทรา เทเลคอมมิวนิคาซิ” หรือ“มิทราเทล”หน่วยงานย่อยที่มีหน้าที่ติดตั้งเสาโทรคมนาคมในเครือเทเลคอมมิวนิเคซิ อินโดนีเซีย รัฐวิสาหกิจของรัฐบาล ประสบความสำเร็จในการทำไอพีโอ โดยระดมเงินได้ถึง 18.34 ล้านล้านรูเปี๊ยะห์ (1,280 ล้านดอลลาร์)ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการระดมเงินจากการทำไอพีโอมากสุดอันดับ2ในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย รองจาก “บูกาลาปัก”ยูนิคอร์นอี-คอมเมิร์ซในท้องถิ่นทำไอพีโอได้สูงสุดอันดับ1เมื่อปี 2564       

“โตโต ปราโนโต”  หุ้นส่วน BUMN Research Group ของมหาวิทยาลัยแห่งอินโดนีเซีย ซึ่งทำการศึกษาการผนวกและควบรวมกิจการรัฐวิสาหกิจในอินโดนีเซียมาตลอด กล่าวว่า สภาพแวดล้อมในตลาดพลังงานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับความต้องการพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เพิ่มขึ้นหมายความว่าในปีนี้จะเป็นปีทองในการทำไอพีโอของบริษัทเปอร์ตามินา จีโอเทอร์มัล