ดาวโจนส์ร่วง 162 จุดเหตุถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

ดาวโจนส์ร่วง 162 จุดเหตุถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันจันทร์ (10ม.ค.)ร่วงลง 162 จุด ท่ามกลางความกังวลที่ว่า อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในสหรัฐจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 162.79 จุด หรือ 0.45%  ปิดที่ 36,068.87 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.74 จุด หรือ 0.14%  ปิดที่ 4,674.29 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 6.93 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 14,942.83 จุด

ดัชนีทั้ง 3 ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทต่างปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ลบ 0.3%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 1.9% และดัชนีแนสแด็ก ดิ่งลง 4.5%

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ คาดว่าดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.9% ในเดือนพ.ย.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุ 1.8% ในวันนี้

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด

คาดว่าวุฒิสภาจะให้การรับรองการแต่งตั้งนายพาวเวลเป็นประธานเฟดสมัยที่ 2 แม้ว่าสมาชิกวุฒิสภาบางรายมีท่าทีคัดค้านก็ตาม

นางเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเสตต์ กล่าวโจมตีนายพาวเวลก่อนหน้านี้ โดยกล่าวว่านายพาวเวลเป็นบุคคลอันตรายที่บ่อนทำลายระบบธนาคารสหรัฐ และตนจะขัดขวางมิให้นายพาวเวลได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดอีกสมัยหนึ่ง

"ประวัติการทำงานของคุณสร้างความกังวลใจอย่างมากต่อดิฉัน โดยหลายครั้งที่ผ่านมา คุณได้ทำให้ระบบธนาคารของเรามีความปลอดภัยน้อยลง คุณคือบุคคลอันตรายที่มากุมบังเหียนเฟด และนี่คือเหตุผลของดิฉันในการคัดค้านการดำรงตำแหน่งอีกสมัยของคุณ" นางวอร์เรนกล่าว

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์