"เศรษฐกิจเอเชีย" ปี 65 เผชิญความเสี่ยงจากโอมิครอน

"เศรษฐกิจเอเชีย" ปี 65 เผชิญความเสี่ยงจากโอมิครอน

"นักวิเคราะห์แบงก์สวิส" คาดเศรษฐกิจเอเชียปี 65 เผชิญความเสี่ยงจากโอมิครอน ชี้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ท่ามกลางเฟดขึ้นดอกเบี้ย

นายคาร์ลอส คาซาโนวา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคาร UBP ของสวิตเซอร์แลนด์ ออกมาให้ความเห็นว่า ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลัก 3 ประการในปี 2565

“เราได้เห็นยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่พุ่งสูงขึ้น และเราคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตช้าลงสู่ระดับ 5% และล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้” นายคาซาโนวากล่าวในรายการ “Squawk Box Asia” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี

นายคาซาโนวามองว่า แม้ว่าตลาดเกิดใหม่เอเชียจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวรุนแรงขึ้นหากเฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน

เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. โดยระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐ อยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ทั้งหมดด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ในปัจจุบัน

“กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ, ภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น หรือรวดเร็วกว่าที่กรรมการเฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการเฟดบางส่วนมองว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชี (Balance Sheet) ของเฟดในทันทีหลังจากที่มีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” เฟดระบุในรายงานการประชุมประจำวันที่ 14-15 ธ.ค. 2564

การที่เฟดตัดสินใจดำเนินการดังกล่าว อาจทำให้หลายประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ต้องเผชิญกับปัญหากระแสเงินทุนไหลออกจากประเทศและค่าเงินอ่อนค่าอย่างรุนแรง ซึ่งบีบบังคับให้ธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อปกป้องบัญชีทุนของตนเอง

นายคาซาโนวาระ กล่าวว่า เราพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ที่ธนาคารกลางต่างมุ่งลดงบดุลควบคู่กับปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 ในสถานการณ์ดังกล่าวอาจยิ่งทำให้กระแสเงินทุนไหลออกจากเอเชียมากขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะเงินฝืด