โลกเตรียมลั่นระฆังปีใหม่ใต้เงาโควิด

โลกเตรียมลั่นระฆังปีใหม่ใต้เงาโควิด

โลกเตรียมต้อนรับปี 2565 ด้วยความปั่นป่วนอีกปี ทั้งการออกข้อจำกัดใหม่ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม และความหวังอันริบหรี่ถึงวันเวลาดีๆ ข้างหน้า

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตลอดปี 2564 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ อะเดลออกอัลบั้มใหม่ โอลิมปิกไร้คนดูครั้งแรก ความฝันถึงประชาธิปไตยตั้งแต่อัฟกานิสถานไปจนถึงเมียนมาและฮ่องกงถูกรัฐบาลเผด็จการบีบคั้น กระนั้นการระบาดของโควิด-19 ที่ตอนนี้เข้าปีที่ 3 แล้วได้ครอบงำชีวิตมนุษย์อีกครั้ง

ตั้งแต่มีรายงานโควิด-19 ครั้งแรกทางภาคกลางของจีนเมื่อเดือน ธ.ค.2562 ประชากรโลกเสียชีวิตจากไวรัสนี้แล้วกว่า 5.4 ล้านคน เจ็บป่วยอีกนับไม่ถ้วน

วัคซีนแห่งความหวังถูกฉีดไปแล้วราว 60% ของประชากรโลก กระนั้นประเทศยากจนยังเข้าถึงได้จำกัด ประเทศรวยจำนวนหนึ่งเชื่อว่า การฉีดวัคซีนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ไม่ชัดเจน

แต่เมื่อปี 2564 ใกล้จะปิดฉากลงโควิดสายพันธุ์โอมิครอนก็บังเกิดขึ้น ดันให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเกินหนึ่งล้านเป็นครั้งแรก

อังกฤษ สหรัฐ และแม้แต่ออสเตรเลียที่สถานการณ์ดีขึ้นมานาน ก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุบสถิติ

จัดปาร์ตี้หรือไม่จัด

งานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าถูกยกเลิกหรือลดขนาดลงอีกปีตั้งแต่กรุงโซลไปจนถึงซานฟรานซิสโก

 ในนครริโอ เดอจาเนโรของบราซิล งานส่งท้ายปีเก่า ณ หาดโคปาคาบานาที่มักมีคนมาร่วมถึง 3 ล้านคนยังคงเดินหน้าต่อ แม้ทางการจะลดขนาดของงานลงเหมือนที่ไทม์สสแควร์ของนิวยอร์ก แต่คาดว่ายังมีฝูงชนหลั่งไหลมาร่วมงานมากอยู่ดี

“ผู้คนต้องการอย่างเดียว ออกจากบ้านไปเฉลิมฉลองให้ชีวิต หลังจากโรคระบาดบีบให้ทุกคนต้องขังตัวเอง” ฟรานซิสโก โรดริเกส บริกรวัย 45 ปีที่หาดโคปาคาบานากล่าว

ชาวบราซิลบางคนก็รอบคอบกว่า หลังจากโควิดระบาดมีคนเสียชีวิตมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งมาแล้วที่ 618,000 คน

โรเบอร์ตา แอสซิส ทนายความวัย 27 ปี มองว่า โคปาคาบานาต้องมีคนมหาศาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวเธอนั้นวางแผนไปบ้านเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ “นี่ไม่ใช่เวลาจะรวมตัวกันมากๆ”

นครซิดนีย์ เมืองใหญ่สุดของออสเตรเลียตัดสินใจเดินหน้าจุดพลุที่ซิดนีย์ฮาร์เบอร์สัญลักษณ์ของเมือง แต่ที่แตกต่างจากปีก่อนคือไม่มีผู้ร่วมงาน คาดว่าประชาชนหลายหมื่นคนจะไปรวมตัวกันที่หน้าหาด

ทางการออสเตรเลียเผยว่า เปลี่ยนนโยบายจากโควิดเป็นศูนย์มาเป็นใช้ชีวิตร่วมกับโควิดเพราะฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่ในอัตราที่สูง และมีหลักฐานมากขึ้นว่าโอมิครอนทำให้เสียชีวิตน้อยกว่า

ท่าทีของออสเตรเลียสะท้อนถึงแนวโน้มในภาพใหญ่เมื่อผู้นำโลกตะวันตกลังเลไม่อยากควบคุมเข้มงวดเหมือนเมื่อปี 2563 เพราะไม่อยากให้เศรษฐกิจตกต่ำอีกรอบ

แต่ข้อจำกัดที่ออกมาเป็นครั้งคราวในปี 2564 ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านการล็อกดาวน์มากขึ้น ขณะเดียวกันประชากรกลุ่มน้อยก็ลังเลไม่ยอมไปฉีดวัคซีน ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วโควิดจะยุติได้อย่างไรในเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนคงที่