จีนยึดนโยบายคุมโควิดเมินกระทบแผนศก.โต

จีนยึดนโยบายคุมโควิดเมินกระทบแผนศก.โต

จีนยึดนโยบายคุมโควิดเมินกระทบแผนเศรษฐกิจโต ขณะสภาหอการค้าต่างประเทศหลายแห่งบอกว่าบริษัทต่างชาติกำลังเจอปัญหาแรงงานต่างด้าวตัดสินใจลาออกจากงานเพราะกังวลว่าจะถูกแยกจากครอบครัว

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจีนยังคงยึดมั่นนโยบายคุมเข้มทำให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เหลือศูนย์รายต่อไปอย่างเคร่งครัด แม้ว่านโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจก็ตาม โดยเฉพาะฉุดการบริโภคในประเทศและบั่นทอนความเชื่อมั่นของบริษัทต่างชาติ

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี รายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ว่า นโยบายป้องกันโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดของทางการจีนแม้จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจแต่ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้นโยบายและการออกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศ เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า จีนจะยังคงยึดหลักปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวต่อไป แม้ผลที่ตามมาคือแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงในปีหน้าก็ตาม

การหลีกเลี่ยงการระบาดระลอกใหญ่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในปีหน้า ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวและการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ 5 ปี ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะยังคงรั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เป็นสมัยที่ 3
 

จีนมีความมุ่งมั่นที่จะควบคุมตัวเลขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 โดยในปีนี้จีนรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียงหนึ่งราย แต่ยังคงใช้มาตรการที่เข้มงวด แม้ว่าหลายประเทศจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคลงบ้างแล้วก็ตาม 

 นอกจากนี้ จีนยังใช้มาตรการชัตดาวน์เฉพาะจุดและมาตรการควบคุมการเดินทาง แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคก็ตาม

ขณะเดียวกัน ยอดผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้หลายประเทศยกเลิกหรือระงับแผนการเปิดประเทศ น่าจะเป็นปัจจัยที่ตอกย้ำถึงสถานะของจีนได้ชัดเจน โดยจีนรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนจากต่างประเทศหลายรายและในประเทศ 1 ราย

“แดน หว่อง” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากฮั่งเส็งแบงค์ (ไชนา) มีความเห็นว่า “ความมีเสถียรภาพเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของปีหน้า ดังนั้น การผ่อนคลายนโยบายป้องกันโควิดจึงไม่ช่วยให้จีนบรรลุเป้าหมายดังกล่าว”
 

 “เจิ้ง จงเหว่ย” เจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) กล่าวว่าแม้ประชาชนจีนที่มีอายุเกิน 60 ปีได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19แล้วประมาณ 80% ในช่วงปลายเดือนพย.แต่ยังมีประชาชนอีกประมาณ 50 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรของประเทศสเปน

ขณะที่“ปีเตอร์ หวัง”ศาสตราจารย์ด้านการระบาดวิทยาจากเมมโมเรียล ยูนิเวอร์ซิตี แห่งนิวฟาวด์แลนด์ในแคนาดา กล่าวว่า ประสิทธิภาพที่ค่อนข้างต่ำของวัคซีนที่จีนผลิตและความไม่แน่นอนในประเด็นที่ว่าวัคซีนจะช่วยปกป้องผู้ได้รับการฉีดยาวนานแค่ไหนอาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ทางการจีนระมัดระวังที่จะเปิดประเทศในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ การอ่านค่าของประสิทธิภาพในการรักษาของวัคซีนหลักทั้งสองตัวของจีนที่ผลิตโดยบริษัทซิโนฟาร์มและซิโนแวคที่วัดผลจากการทดลองทางคลีนิกอยู่ระหว่าง 50% และ 83.5% ซึ่งต่ำกว่าประสิทธิภาพในการรักษาโดยวัคซีนที่ผลิตโดยไฟเซอร์และโมเดอร์นาประมาณ 90% ขึ้นไป

นอกจากนี้ ผลการศึกษาสองครั้งเมื่อเร็วๆนี้ยังบ่งชี้ว่าการตอบสนองของแอนตีบอดีจากวัคซีนทั้งสองบริษัทของจีนอ่อนแอกว่าเมื่อต้องเจอกับไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าไวรัสกลายพันธุ์นี้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อประสิทธิภาพโดยรวมของวัคซีนจีน

นโยบายคุมเข้มด้านการรับมือกับโรคโควิด-19 ของจีนส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากภาคอุตสาหกรรมของประเทศด้วยการที่โรงงานผลิตหลีกเลี่ยงที่จะปิดโรงงานและเดินหน้าส่งออกอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเพราะความต้องการสินค้าประเภทต่างๆในตลาดโลกเพิ่มขึ้น หนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในปี2564ขยายตัวเป็นตัวเลขสองหลักในทุกๆเดือนมาจนถึงตอนนี้

แต่“หลุยส์ คูอิจส์”หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชียจากอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิคส์ มองว่าตอนนี้มีแนวโน้มที่การบริโภคในประเทศของจีนที่ลดลงจะสร้างแรงกดดันแก่ตัวเลขเศรษฐกิจด้านอื่นๆ

ยอดขายจากธุรกิจค้าปลีกของจีนในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแค่ 3.9% ต่ำกว่าแนวโน้มในช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ ขณะที่ธุรกิจจัดเลี้ยงและการบริการต่างๆก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

“นโยบายที่จีนใช้อยู่ตอนนี้ส่งผลในทางลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ”คูอิจส์ กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า ประเทศอื่นๆที่มีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ให้ประชาชนในอัตราสูง และดำเนินนโยบายอยู่ร่วมกับโควิด โดยที่ในประเทศมียอดผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม และมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์โอมิครอน ยังสามารถมีการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ดี

ขณะที่สภาหอการค้าต่างประเทศหลายแห่ง พูดตรงกันว่า บรรดาบริษัทต่างชาติกำลังเจอปัญหาแรงงานต่างด้าวตัดสินใจลาออกจากงานท่ามกลางกระแสวิตกกังวลว่าจะถูกแยกจากครอบครัวและเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทที่จะรับสมัครบรรดาช่างเทคนิก หรือผู้บริหารเพื่อยกระดับโรงงานที่มีอยู่ในจีนตอนนี้

"ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด เรากลัวว่าอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายใดๆเกิดขึ้นเลยจนกว่าจะถึงปลายปี 2565 หรือแม้กระทั่งปี2566”Joerg Wuttke ประธานสภาหอการค้าสหภาพยุโรปในจีน กล่าว

ขณะที่ข้อกำหนดเรื่องการกักตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศของทางการจีนมักเปลี่ยนแปลงบ่อย แต่โดยทั่วไปมีเวลาขั้นต่ำสองสัปดาห์และมีบ่อยครั้งที่นานกว่าสองสัปดาห์ ยกตัวอย่างเมืองเสิ่นหยาง ทางตอนเหนือของจีนที่กำหนดให้นักเดินทางจากต่างชาติเข้ารับการกักตัวนาน 4 สัปดาห์และกักตัวเองที่บ้านอีก1เดือนเพื่อเฝ้าระวังด้านสุขภาพ พร้อมคำแนะนำห้ามออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น