ดาวโจนส์ทะยาน 560 จุดรับข่าวเอฟดีเอไฟเขียวยาต้านโควิด

ดาวโจนส์ทะยาน 560 จุดรับข่าวเอฟดีเอไฟเขียวยาต้านโควิด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันอังคาร(21ธ.ค.)พุ่งขึ้น 560 จุด โดยนักลงทุนช้อนซื้อหุ้นที่ดิ่งลงก่อนหน้านี้ หลังตลาดร่วงลงติดต่อกัน 3 วัน รับข่าวเอฟดีเออาจไฟเขียวยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 560.54 จุด หรือ 1.6% ปิดที่ 35,492.70 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น  1.8% ปิดที่ 4,649.23 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่ม 2.4% ปิดที่  15,341.09 จุด  

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ตามการดีดตัวของราคาน้ำมันในวันนี้ และหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสายการบิน และกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ ปรับตัวขึ้นเช่นกัน

เมื่อวันจันทร์(20ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะทำให้หลายประเทศต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนได้รับรู้ปัจจัยข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวรวมเกือบ 1,000 จุดในช่วง 3 วันที่ผ่านมา

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วน 73% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในสหรัฐ ขณะที่สัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาลดลงเหลือเพียง 27% เท่านั้น

สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 52 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 828,000 ราย

วันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีไบเดนแถลงต่อชาวอเมริกันถึงมาตรการส่งชุดตรวจโคโรนาไวรัส 500 ล้านชุดให้ประชาชนฟรี เพื่อรับมือกับการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่ใกล้เข้าสู่เทศกาลปลายปี

แผนรับมือของรัฐบาลสหรัฐประกอบด้วย การส่งชุดตรวจ rapid test สู่ครัวเรือนอเมริกันเป็นครั้งเเรก แม้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำมาระยะหนึ่งเเล้ว รวมถึงการเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และระดมทรัพยากรทางการเเพทย์ช่วยเหลือโรงพยาบาลในรัฐต่างๆ

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่าเอฟดีเอเตรียมอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และยาแพกซ์โลวิดของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ อย่างเร็วที่สุดในวันนี้ (22 ธ.ค.) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน

หากเอฟดีเออนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดตามคาด จะเป็นการปลดล็อกให้มีการใช้ยาดังกล่าวทั่วโลก เนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขของหลายประเทศยังคงรอการรับรองจากเอฟดีเอก่อนที่จะให้การอนุมัติการใช้ยาดังกล่าว

การอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิดในครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งแพร่ไปมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก